รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม ควรทำหรือไม่ | Refinn
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เราจะยังมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีไม่ได้มีปัญหาทางการเงินใด แต่มันจะไม่ดีกว่าหรือหากเราสามารถทำให้มีเงินแต่ละเดือนเพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องทำงานเพิ่มด้วยวิธีการง่าย ๆ อย่างการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อต่าง ๆ ลงโดยเฉพาะอย่างสินเชื่อก้อนใหญ่อย่างสินเชื่อบ้านที่ทำให้เราต้องเสียดอกเบี้ยต่อเดือนหลายพันจนถึงหลายหมื่นบ้านเลยทีเดียวครับ
หลายท่านอาจยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วดอกเบี้ยบ้านที่เราพยายามหาที่ถูกที่สุดตอนซื้อบ้านนั้นเมื่อเวลาผ่านไปดอกเบี้ยบ้านก็จะปรับเพิ่มขึ้นครับ โดยส่วนใหญ่แล้วจะปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่เราผ่อนมาแล้ว 3 ปี หรือ 36 งวด
แต่ที่เราไม่ทันรู้ตัว หรือเอะใจนั้นมันเกิดจาการที่แม้ว่า ดอกเบี้ยบ้านจะปรับเพิ่มขึ้นแต่ยอดผ่อนอาจจะยังเท่าเดิมครับ แต่ในความเป็นจริงยอดผ่อนเท่าเดิมนั้นแต่ก่อนอาจจะเป็นดอกเบี้ยแค่นิดเดียว เงินต้นตัดไปเยอะ แต่ตอนนี้อาจจะเป็นดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง เงินต้นครึ่งหนึ่ง มันน่าเสียดายเงินใช่ไหมครับแทนที่เราจะเอาเงินก้อนนั้นไปทำอย่างอื่น
แต่ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นได้ แน่นอนว่ามันต้องลดได้เช่นกัน วิธีการหนึ่งที่จะลดดอกเบี้ย คือ การขอปรับลดดอกเบี้ยบ้านจากธนาคารเดิมครับ หรือหลายคนชินกับคำว่า รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม
รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมคืออะไร
การขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม จริง ๆ เรียกแบบนี้ไม่ถูกต้องครับ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือ การขอลดดอกเบี้ยบ้านธนาคารเดิม (ธนาคารปัจจุบันที่เราผ่อนอยู่) หรือบางคนอาจจะเรียกว่า การขอ Retention ครับ
หลักการก็คือ เมื่อเราผ่อนบ้านหรือคอนโดที่เราซื้อมาครบกำหนดสัญญา โดยปกติก็จะประมาณ 3 ปีแรกที่เป็นช่วงโปรโมชั่นดอกเบี้ยบ้านถูก หลังจากนั้นดอกเบี้ยบ้านที่เราผ่อนอยู่ปรับเพิ่มขึ้นเราก็จะไปทำเรื่องขอลดดอกเบี้ยลงจากธนาคารเดิม
ทำไมต้องขอลดดอกเบี้ยบ้าน
มีคนที่เข้าใจผิดหลายคนนะครับว่าดอกเบี้ยบ้านถูกอยู่แล้วปรับเพิ่มมา 1 - 3% คงจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มไม่เท่าไร ความจริงแล้วดอกเบี้ยที่เพิ่ม 1 - 3% นี้บอกเลยว่าอาจทำให้คุณเสียดอกเบี้ยหลักหมื่นเลยครับ ผมจะยกตัวอย่างให้ดูนะครับ
สมมติ ยอดหนี้บ้านเราอยู่ที่ 5,000,000 บาท ดอกเบี้ยเดิม 2.7% ต่อปี หลัง 3 ปี ดอกเบี้ยปรับเพิ่มเป็น 5% ต่อปี เรามาดูกันครับว่า ในแต่ละเดือนเราเสียดอกเบี้ยต่างกันกี่บาท
วิธีคิดดอกเบี้ยสูตร : (ยอดหนี้คงเหลือ x ดอกเบี้ย x จำนวนวัน) ÷ 365
ดอกเบี้ยเดิม 2.75% : (5,000,000 x 2.7% x 30 วัน) ÷ 365 = 11,095.89
ดอกเบี้ยหลังครบสัญญา 5% : (5,000,000 x 5% x 30 วัน) ÷ 365 = 20,547.94
เห็นไหมครับว่าดอกเบี้ยที่ต่างกันแค่ 2% นิดๆ แต่ในแต่ละเดือนเราเสียดอกเบี้ยเพิ่มไปถึงประมาณ 9,000 บาท ซื้อเราสามารถเอาเงินก้อนนี้ไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ครับ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราควรทำการลดดอกเบี้ยบ้าน
วิธีการลดดอกเบี้ยบ้าน
โดยปกติแล้วเมื่อดอกเบี้ยบ้านปรับสูงขึ้นวิธีการลดดอกเบี้ยจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันครับ
1. การรีไฟแนนซ์บ้าน
สำหรับรีไฟแนนซ์บ้านหลายคนได้ยินคำนี้มาบ่อยแล้วแต่ยังไม่ค่อยมั่นใจ ผมจะลองเปรียบเทียบง่ายว่ามันเหมือนกับการที่เราย้ายงานเพื่อไปรับขอเสนอที่ดีกว่าจากที่ทำงานใหม่ ในนี้ก็คือการไปรับข้อเสนอดอกเบี้ยใหม่ที่น่าสนใจกว่าที่เดิมครับ
เวลาเราย้ายงานที่ทำงานใหม่เขาก็จะดูว่าประสบการณ์ทำงานในอดีตของคุณเป็นอย่างไร การรีไฟแนนซ์บ้านก็เช่นกันครับ ประสบการณ์ที่ธนาคารดูก็คือ ประวัติการผ่อนบ้านของคุณ ถ้าคุณผ่อนตรงเวลา ไม่เคยจ่ายค่างวดช้าเกิน 60 วัน หรือค้างชำระเลย นั้นก็หมายความว่าคุณเป็นคนที่มีวินัยดี ไม่น่าจะมีปัญหาทางการเงิน คุณก็จะได้คะแนนตรงนี้สูง
ย้ายงานก็จะมีเรื่องของการปรับเงินเดือนขึ้น ก็ต้องดูว่าที่เดิมคุณได้เท่าไร มีโบนัสไหน ในส่วนของการรีไฟแนนซ์บ้านก็เปรียบเหมือนยอดเงินกู้ที่คุณจะได้รับ เขาก็จะดูว่าปัจจุบันคุณมีรายได้เท่าไร มีหนี้สินเท่าไร เพียงพอต่อการผ่อนบ้านไหวที่เท่าไร หากดูแล้วสามารถผ่อนได้เขาก็จะอนุมัติสินเชื่อให้คุณครับ
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์ ถ้าเปรียบกับตอนย้ายงานถ้าคุณโปรไฟล์ดี หลายบริษัทสนใจเขาก็จะพยายามยื่นข้อเสนอที่ดีต่าง ๆ เพื่อให้คุณเลือกไปร่วมงานกับบริษัทนั้น ส่วนการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารก็จะพยายามนำเสนอดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด อย่างดอกเบี้ยบ้านต่ำสุดในปัจจุบันที่ผมทราบก็ประมาณ 2.35% ต่อปี รวมถึงธนาคารใหม่อาจจะมีข้อเสนออื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ฟรีค่าประเมิน ฟรีประกันอัคคีภัย ฟรีค่าอากรครับ
ส่วนใครอยากรู้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านต้องทำไงก็ศึกษาต่อได้ที่ ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน
2. การขอลดดอกเบี้ยบ้าน
ในส่วนของการลดดอกเบี้ยบ้านธนาคารเดิม หรือ การขอรีเทนชั่น (Retention) ถ้าเทียบกับการทำงานก็เหมือนเราทำงานอยู่ที่เดิม พอเราบอกจะย้ายงานบริษัทก็อาจจะเสนอเพิ่มเงินเดือน ปรับตำแหน่ง หรือสวัสดิการอื่น ๆ เพิ่มเติมให้
ปกติส่วนใหญ่เราสามารถรีไฟแนน์ลดดอกเบี้ยบ้านได้ทุก 3 ปี แต่เราไม่รู้ผ่อนบ้านมาแล้ว 5 ปี ดอกเบี้ยปรับสูงแล้วกว่า 2 ปี พอเราแจ้งธนาคารไป ก็พึ่งจะมาบอกเราว่าลดดอกเบี้ยได้ แต่เท่าที่ผมเห็นจากเคสจำนวนมาก ๆ มาส่วนใหญ่ก็ไม่ก็จะลดได้ไม่เท่ากับการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่
แต่ข้อดีของการขอลดดอกเบี้ยบ้านธนาคารเดิมก็ คือ ความไม่ยุ่งยากเพราะเราก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะธนาคารเดิมรู้จักเราอยู่แล้วมีข้อมูลของเราอยู่แล้ว และข้อดีอีกอย่าง คือ หากคุณมีประวัติทางการเงินไม่ดี ดูแล้วไม่น่าจะรีไฟแนนซ์ผ่าน เราก็อาจจะใช้วิธีการขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมก่อนสัก 3 ปี รอประวัติทางการเงินใหม่ของคุณดีแล้วค่อยรีไฟแนนซ์ก็ได้ครับ
รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดี
หากถามว่าอะไรดีกว่ากัน อันนี้ตอบยากครับเพราะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลอย่างที่ได้กล่าวมาในหัวข้อก่อนหน้านี้ สิ่งที่ผมแนะนำ คือ หากเราเป็นคนที่สามารถทำได้ทั้งขอรีไฟแนนซ์บ้านไปธนาคารใหม่ และขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม ให้ลองยื่นดูทั้งสองแบบครับ แล้วลองเอาข้อเสนอขอทั้ง 2 ที่มาเปรียบเทียบกันแล้วดูว่า เราได้ผลประโยชน์จากอันไหนที่สุดก็เลือกสิ่งนั้นครับ
และหากคุณกำลังรู้สึกว่าการรีไฟแนนซ์บ้านอาจจะยุ่งยากลองให้บริการเปรียบเทียบโปรโมชั่นจาก Refinn.com ดูครับ นอกจากเปรียบเทียบให้แล้ว ยังสามารถสมัครได้ออนไลน์เลยเลือกได้หลายธนาคารด้วยครับ เวลาเราจะตามก็ตามจาก Refinn ที่เดียว ไม่ต้องโทรไปแยกธนาคาร และยังมีบริการรีไฟแนนซ์รถ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต และทั้งหมดเรายังให้บริการฟรีในการช่วยติดตามเคสให้ไวขึ้น และคอยอัพเดตคุณอยู่เรื่อย ๆ ฟรีครับ การรีไฟแนนซ์บ้านที่ว่ายุ่งยากก็จะง่ายขึ้นในทันทีครับ