วิธีปิดหนี้บัตรเครดิต ด้วย 3 คำง่าย ๆ จาก Refinn
บัตรเครดิตหาเราใช้อย่างรู้วิธีเราจะได้ประโยชน์จากบัตรเยอะจริง ๆ ครับ แต่บางครั้งด้วยความสะดวกสบาย ง่ายต่อการนำมาใช้ก็อาจทำให้เราเพลินไปหน่อยทั้งรูดซื้อของแล้วผ่อน 0%, นำบัตรไปกดเงินออกมาใช้ รูดซื้อของแต่ไม่จ่ายคืนเต็มจำนวนเงินที่ใช้ จนมารู้ตัวอีกทีก็ใช้บัตรวงเงินเต็มทุกใบ และเป็นหนี้บัตรเครดิต
ซึ่งสถานการณ์ในการเป็นหนี้บัตรเครดิตแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว และเรารู้ตัวว่าอยากจะจบปัญหานี้ มันก็จะไม่ยากเกินความสามารถครับ เพราะก็ยังพอมีทางออกครับ หลายคนนำวิธีนี้ไปใช้ก็ปิดหนี้บัตรเครดิตได้สำเร็จซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำในการจัดการหนี้บัตรเครดิตให้อยู่หมัดกันครับ
หนี้บัตรเครดิต คืออะไร?
หลายคนอาจจะยังเข้าใจคำว่า หนี้บัตรเครดิต เท่าที่ควรว่า คืออะไร ดังนั้นในหัวข้อนี้เรามาทำความเข้าใจ กันครับ ว่า หนี้บัตรเครดิต คืออะไร
หนี้บัตรเครดิต คือหนี้ที่เกิดจากการที่เรารูดใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าหรือบริการโดยที่ยังไม่ใช้คืน ซึ่งยิ่งพอเวลาผ่านไปและเรายังใช้คืนไม่หมดก็จะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้เราต้องเสียเงินจ่ายหนี้มากขึ้นไปอีก
ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เรารู้อยู่แล้วใช่มั๊ยครับว่าบัตรเครดิตคือการที่เราขอวงเงินจากธนาคารหรือสถาบันทางการเงินเพื่อนำเครดิตที่มีไปใช้รูดซื้อสินค้าและบริการก่อน ซึ่งบัตรใบนึงก็จะมีวงเงินที่จำกัดไว้ เช่น 50,000 บาท ดังนั้นเมื่อเราใช้วงเงินนี้ซื้อสินค้าหรือบริการ เท่ากับเกิดหนี้ขึ้นทันที เพราะเรายืมเครดิตจากธนาคารมาใช้ก่อนนั่นเอง
ซึ่งในแต่ละธนาคารก็จะมีเกณฑ์ในการใช้คืนที่ต่างกันครับ เช่น บางที่อาจจะมีช่วงระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 10 เดือน 6 เดือน แตกต่างกันออกไปหรือบางที่อาจจะไม่มีเลย แต่ที่แน่ๆ การชำระเงินคืนล่าช้าจะทำให้เกิดดอกเบี้ยอย่างแน่นอนครับ ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละธนาคาร ดังนั้นเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิตควรที่จะรีบผ่อนคืนให้หมดเร็วๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียดอกเบี้ยและต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิต ที่มากจนเกินไ
“หยุด เช็ค ใช้” 3 คำปลดหนี้บัตรเครดิต
3 คำนี้เลยครับสำหรับคนที่อยากปิดหนี้บัตร "หยุด เช็ค ใช้" ส่วนแต่ละคำจะมีความหมายว่าอย่างไร จะช่วยเราปลดหนี้ได้อย่างไร ไปดูกันเลยครับ
1. หยุด - หยุดสร้างหนี้ใหม่ก่อน โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
พอบอกว่า “หยุด” อยู่อย่าเข้าใจผิดว่าให้หยุดใช้หนี้ แต่เป็นเรื่องของการที่เราต้องหยุดสร้างหนี้เพิ่มครับ ช่วงนี้จะมีคนออกมาพูดคำ ๆ ว่า “กิเลสหยุดได้ด้วยการซื้อ” แต่เราก็ต้องรู้ด้วยนะว่า “หนี้หมดได้ด้วยเงิน” เช่นกันครับ ถ้าวันนี้เราดูแล้วว่ารายได้ของเราเริ่มไม่พอกับรายจ่ายแล้ว เราจำเป็นต้องหยุดใช้บัตรก่อนครับ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์คืออะไร ต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่แต่ละคนมีอาชีพการงานที่ต่างกันสิ่งที่เรียกว่าประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์แต่ละคนจึงต่างกันนะครับ ส่วนตัวผมจะใช้หลักในการตัดสินใจคือ “จำเป็น หรือแค่อยากได้” เราจะต้องตอบคำถามนี้อย่างไม่โกหกตัวเองครับ
เขาใจครับว่ามันเป็นสิ่งที่เริ่มต้นทำยากมาก ๆ แต่ว่าถ้าเราทำผ่านไปได้สัก 1 เดือนเราจะเริ่มชินจนเป็นนิสัย แล้วการใช้เงินของเราในอนาคตก็จะดีขึ้นด้วยครับ ลองนึกว่าถ้าเราหมดหนี้พวกนี้เราก็จะมีเงินเหลือค่อยกลับมาซื้อก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ทำใจให้แข็งตอนนี้ไม่แน่ว่าอนาคตอันใกล้ของเรา ถ้าเราประสบปัญหาทางการเงินจนถึงสุดทางแล้วของใหม่ก็คงจะซื้อไม่ได้ ของเก่าก็คงจะไม่เหลือเช่นกันครับ
2. เช็ค - เช็คยอดหนี้แต่ละบัตร
รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ศึกครั้งนี้ก็เช่นกันครับ ผมมั่นใจมากว่าทุกคนรู้ว่าตัวเองมีเงินเดือนเท่าไร แต่มันใจเลยว่ากว่า 70% รู้เรื่องนี้ที่เรามีอยู่น้อยมาก ดังนั้นเราไม่มีทางรบชนะหนี้ได้เลยครับถ้าเรายังไม่รู้จักมัน สิ่งที่เราต้องรู้คือ
- หนี้บัตรรวมทุกใบทั้งหมดกี่บาท
- บัตรแต่ละใบมีหนี้กี่บาท
- ดอกเบี้ยบัตรเครดิตแต่ละใบคิดกี่เปอร์เซ็น
ถ้าเรารู้ 3 อย่างที่บอกมานี้การวางแผนจัดการภาระหนี้ของเราจะง่ายขึ้น และปลดหนี้ได้อย่างแน่นอนครับ
3. ใช้ - มาเริ่มใช้หนี้อย่าเท่ๆ กันดีกว่า
เมื่อรู้ยอดหนี้แล้วว่ามีอยู่เท่าไร สิ่งที่เราควรทำต่อไปคือใช้หนี้ ซึ่งเราจำเป็นต้องรีบทำให้ตัวเบาที่สุด (หมายถึงเหลือหนี้น้อยที่สุด) โดยดูว่าเรามีแหล่งเงินที่ไม่สร้างหนี้เพิ่มอย่างพวกโบนัส เงินพิเศษอยู่ไหม หากมีให้นำมาปิดหนี้ก่อน และหากไม่พอก็ให้เปลี่ยนของมีค่ารอบตัวนำไปขายเป็นเงินแล้วนำมาจ่ายหนี้ครับ ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกยากลำบากใจที่สุด แต่พยายามให้นึกถึงอนาคตไว้ครับถ้าปลดหนี้หมดสถานการณ์ก็จะกลับมาปกติ มันจะอยู่กับเราแค่แป๊บเดียว
พอเราหาเงินมาได้คำถามต่อมาคือ ถ้าเงินที่เราหามาได้นั้นไม่พอปิดหนี้บัตรทั้งหมดเราจะเลือกจ่ายหนี้ก้อนไหนก่อน ผมมีคำแนะนำประมาณนี้ครับ
(1) เงินก้อนที่ได้มาให้ดูว่าปิดหนี้ก้อนไหนได้บ้าง ให้ปิดก้อนนั้นก่อน ถามว่าทำไมไม่เลือกบัตรที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อนเพราะว่าโดยปกติแล้วดอกเบี้ยบัตรเครดิตแต่ละธนาคารก็จะใกล้เคียงกัน แต่การที่เรามีภาระหนี้สูงจากบัตรหลายใบ นั้นหมายความว่าเรามีโอกาสที่จะมีวันที่หมุนเงินไม่ทัน และบัตรทุกใบจะมีค่าติดตามทวงถาม ค่าปรับจ่ายล่าช้า ที่เราต้องจ่ายก็เป็นเงินหลักหลายร้อยบาท ดังหากโดนจากทุกใบก็เป็นเงินหลายพันบาท ดังนั้นจึงควรเลือกปิดจากที่ปิดได้ก่อน
(2) หากเงินที่หามาได้ สามารถปิดได้ที่เดียว แต่ว่าบัตรมียอดหนี้ใกล้เคียงกันหลายใบ ให้เรามาเลือกจากดอกเบี้ยบัตรเครดิตใบไหนสูงที่สุดปิดใบนั้นก่อนเพื่อเราจะได้ประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องเสียในทุกเดือน
(3) หาสินเชื่ออื่นที่ดอกเบี้ยถูกกว่ามาปิดหนี้ อาจจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลลองสมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือหลายคนเรียกกันว่า รวมหนี้บัตรเครดิต เอามาปิดบัตรที่เหลือ สินเชื่อประเภทนี้จะเป็นการขอกู้เงินจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินใหม่มาปิดหนี้บัตรเดิม แล้วมาผ่อนกับที่ใหม่ที่เดียว ทำให้แทนทีเราจะจ่ายขั้นต่ำของบัตรแต่ละใบ ก็รวมมาจ่ายที่เดียวทำให้ยอดผ่อนรวมแต่ละเดือนจาก 20,000 บาท อาจจะเหลือเพียง 8,000 บาทเท่านั้น พอยอดผ่อนน้อยลงเรามีเงินเหลือใช้ในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นไม่ต้องมานั่งกังวลเหมือนตอนนี้ครับ แล้วก็พยายามอย่าก่อหนี้เพิ่มครับ
พอจะเห็นทางออกในการจัดการหรือยังครับ "หยุด เช็ค ใช้" 3 คำจำให้ขึ้นใจครับรับรองว่าหากได้ลองทำตามวิธีที่นี้แล้วต้องสามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้เงินในกระเป่าเราในแต่ละเดือน และปลดหนี้บัตรของเราได้อย่างแน่นอนครับ และผมอยากจะเตือนไว้อีกอย่างครับหากเราเจอปัญหาแบบนี้เราอย่าหนี้หายครับไม่งั้นเรื่องจะยิ่งใหญ่โต มีอะไรก็ให้มาคุยกัน ธนาคาร สถาบันการเงินต่าง ๆ เขาก็มีกฏเกณฑ์ในการจัดการเขาต้องหาทางออกร่วมที่ดีที่สุดให้กับคุณครับ และอย่าหันไปพึ่ง หนี้นอกระบบเด็ดขาดครับ
ส่วนใครที่สนใจจะทำเรื่องรีไฟแนนซ์ หรือการรีไฟแนนซ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ รีไฟแนนซ์รถ ก็สามารถสมัครผ่าน Refinn ได้ครับเรามีพันธมิตรอย่างธนาคาร และสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศหลายที่เลยครับ ระบบของเราจะช่วยประมวลผลโปรโมชั่นที่แนะนำคุณให้ แล้วเรายังช่วยติดตามเรื่องให้ด้วยครับ คุณไม่จำเป็นต้องไปเดินเข้าสาขาต่าง ๆ เองให้เหนื่อยสมัครจบได้ที่เราเลยครับ www.refinn.com/รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตผ่าน Refinn ดัยังไง
เพื่อนเคยคิดแบบนี้ไหมครับ หนี้บัตรเครดิตก็ตั้งหลายใบ แถมยังต่างธนาคารกันอีก จะรีไฟแนนซ์ก็งงว่าจะทำยังไง ธนาคารก็มีตั้งหลายธนาคาร และแต่ละธนาคารก็ให้โปรโมชันไม่เหมือนกันอีก Refinn ช่วยคุณได้ครับ
โดยเราจะมีการรวบรวมโปรโมชันรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากธนาคารชั้นนำมาให้เพื่อนๆได้เลือกเปรียบเทียบ โดยเพื่อนๆสามารถกรอกข้อมูลต่างๆ แล้วระบบจะช่วยประมวลผลหาโปรโมชันที่ดีและเหมาะสมที่สุดให้เพื่อนๆได้เลือกสมัครครับ
ที่สำคัญทาง Refinn เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินคอยให้คำปรึกษาเรื่องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตฟรี และยังมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามเรื่องให้ตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกได้ว่าเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงกรอกข้อมูลและรอการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเท่านั้นครับ
คำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนี้บัตรเครดิต
หลายคนที่ทักเข้ามาหาผมมักจะมีข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่มักจะมาถามผมอยู่บ่อยๆ ดังนั้นผมจึงรวมคำถามที่คนมักถามบ่อยๆมาเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิต มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ
เป็นหนี้บัตรเครดิต ไม่จ่าย จะเกิดอะไรขึ้น
สำหรับ หลายคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต แต่อาจจะกลัวว่าไม่สามารถผ่อนคืนได้ตรงเวลา หรือ ใครที่เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ แต่ด้วยกับสถานการณ์หรือมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้มีรายได้ที่ลดลง จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต แล้วไม่จ่าย จะเกิดอะไรขึ้น”
ก่อนอื่นต้องรู้ไว้เลยว่าถ้าเราไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิต จะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ ให้เราลองคิดดูนะครับว่าถ้ามีคนมายืมเงินเราแล้วไม่คืน เราจะดำเนินการอะไรมั๊ยหรือจะปล่อยไปเฉยๆ แน่นอนว่าเราต้องดำเนินการและหาวิธีอย่างแน่นอนเพื่อให้ได้เงินคืน ซึ่งแน่นอนว่าทางธนาคารก็คิดแบบนั้นเช่นกันครับ
ซึ่งหากเราเป็นหนี้บัตรเครดิต และไม่จ่ายคืนก็จะเกิดสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้ครับ
1.เสียประวัติทางการเงิน จนนำไปสู่การติดเครดิตบูโร การที่เราผ่อนไม่ตรงเวลาหรือผ่อนบ้างไม่ผ่อนบ้างจะทำให้ประวัติทางการเงินของเราดูไม่ดีครับ ซึ่งที่แย่ไปกว่านั้นในกรณีที่เราไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิตเกิน 90 วันจะทำให้เราติดเครดิตบูโร ในทันที
2.ไม่สามารถกู้เงิน หรือ ขอสินเชื่อต่างๆได้ เป็นผลมาจากข้อที่แล้วครับซึ่งถ้าประวัติทางการเงินของเราไม่ดี และแย่ไปกว่านั้นถ้าเราติดเครดิตบูโร จะทำให้การยื่นขอสินเชื่อต่างๆผ่านได้ยากมากครับ เนื่องจากการจะขอสินเชื่อหรือกู้เงิน ทางธนาคารจะต้องพิจารณาจากประวัติทางการเงินของเราที่ผ่านมาด้วยครับ
3.เสียสุขภาพจิต ข้อนี้เป็นผลกระทบต่อตนเองครับ เพราะเมื่อเราเป็นหนี้เราก็จะเครียดและกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องโดนดำเนินการทางกฎหมายอะไรบ้าง ซึ่งเป็นผลกระทบที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แต่เป็นผลกระทบที่คนเป็นหนี้และไม่มีเงินจ่ายต้องเจอกันทุกคนอย่างแน่นอนครับ
ดังนั้นเมื่อเรารู้ตัวว่าในอนาคตเราอาจจะผ่อนชำระค่าหนี้บัตรเครดิตไม่ไหว ก็ขอให้เราขอวงเงินไม่ต้องสุงมากเพื่อให้ไม่เป็นภาระทางการเงินของเราในอนาคต หรือ ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของเรา และที่สำคัญต้องดูและเลือกธนาคารที่มีโปรโมชัน หรือ เกณฑ์ที่ตรงและเอื้อต่อการผ่อนชำระของเราในอนาคตให้ดีๆครับ
ส่วนใครที่เป็นหนี้อยู่ แล้วจู่ๆต้องเจอปัญหาทางการเงิน หรือ มีสภาพคล่องทางการเงินลดลงก็ไม่ต้องกังวลครับเพราะเราสามารถยื่นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ด้วย
คดีเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิตเป็นคดีประเภทใด
หลายคนอาจจะสงสัยสัยและอยากรู้ว่าหนี้บัตรเครดิตที่เป็นกันอยู่เนี่ย เป็นคดีความประเภทอะไร ดังนั้นผมจะมาบอกเเละอธิบายถึงความร้ายแรงของคดีเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิตให้ได้เข้าใจกัน
คดีเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิต เป็นคดีแพ่ง ซึ่งแน่นอนว่าคดีแพ่งสำหรับบัตรเครดิต กฎหมายคือต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าทุกข์เท่านั้น นั่นก็คือธนาคาร หรือ สถาบันทางการเงินที่เราถูกฟ้องเท่านั้น และที่แย่ไปกว่านั้นอาจจะถูกยึดทรัพยืสินบางอย่างด้วย เพราะฉนั้นทางที่ดีเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิต จึงต้องรีบใช้ให้หมด อย่ารอไปจนถึงต้องเกิดการฟ้องร้องเลย เพราะจะเสียมากกว่าที่ต้องจ่ายคืนอย่างแน่นอน
หนี้บัตรเครดิตมีอายุความกี่ปี เริ่มนับอายุความตอนไหน
หลังจากที่เรารู้ว่าถ้าไม่จ่ายค่าบัตรเครดิต หรือ หนี้บัตรเครดิตว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง และหนี้บัตรเครดิตเป็นคดีความอะไรไปกันแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้รู้และเข้าใจกัน นั่นก็คือ อายุความของหนี้บัตรเครดิต
หนี้บัตรเครดิตมีอายุความกี่ปี? สำหรับหนี้บัตรเครดิตแล้วทางกฎหมายจะมีอายุความ 2 ปีจึงจะหมดอายุ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อคดีความหมดอายุไปแล้ว เจ้าหนี้ก็ยังสามารถฟ้องร้องต่อลูกหนี้ได้ โดยการไปฟ้องที่ศาล ซึ่งถ้าหากฟ้องแล้วและลูกหนี้ไม่มาสู้คดี ศาลก็จะตัดสินทันทีว่าลูกหนี้ต้องชำระเงินตามที่เข้าหนี้ฟ้องร้อง และถ้าศาลตัดสินไปแล้วแต่ลูหนี้ก็ยังไม่ยอมชำระหนี้คืนเจ้าหนี้อีก ศาลก็จะให้สิทธิเจ้าหนี้ในการบังคับยึดทรัพย์ต่อไป
แล้วหนี้บัตรเครดิตที่บอกมาว่ามีอายุความ 2 ปีถึงหมดอายุเนี่ย เขามีเกณฑ์หรือเริ่มนับวันกันยังไงนะ ผมจะมาอธิบายให้ฟัง หนี้บัตรเครดิตโดยปกติทั่วไปแล้วจะเริ่มนับตั้งแต่การชำระเงินครั้งสุดท้ายครับ ยกตัวอย่างเช่น เราผ่อนหนี้บัตรเครดิตมาแล้ว 4 เดือน โดยมันสุดท้ายที่จ่ายหนี้ คือ วันที่ 30 มกราคม 2566 ดังนั้นคดีความจะถูกนับตั้งแต่วันที่ วันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะครบอายุความ 2 ปี จึงหมดอายุไปครับ
เป็นหนี้บัตรเครดิต ถูกยึดเงินเดือนในบัญชี ได้ไหม
สำหรับใครที่เป็นหนี้บัตรเครดิตข้อนี้ต้องระวังให้ดีๆเลยครับ เพราะเจ้าหนี้สามารถขออายัดและยึดเงินเดือนและเงินอื่นๆของเราได้ครับ ซึ่งผมจะมาบอกว่าเจ้าหนี้สามารถขออายัดเงินอะไรของเราได้บ้าง
1.เงินเดือน ตรงตามหัวข้อเลยครับ คำตอบก็ชัดเจนเลยว่าสามารถยึดเงินเดือนได้อย่างแน่นอนแต่จะมีเกณฑ์อยู่ว่าจะสามารถยึดหรืออายัดได้ไม่เกิน 30% ครับ และที่สำคำเงินเดือนของลุกหนี้ที่ทำการอายัดต้องเกินกว่าหรือมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไปเท่านั้นครับ
2.เงินโบนัส เป็นอีกสิ่งที่สามารถถูกอายัดได้เหมือนกัน โดยทางกฎหมายระบุไว้ว่าจะสามารถอายัดได้ไม่เกิน 50% ของเงินโบนัสครับ
3.เงินฝากในบัญชีและเงินจากการลงทุน ข้อนี้ต้องระวังให้ดีๆเลยครับเพราะเจ้าหนี้สามารถยึดเงินตรงนี้ของเราได้
4.เงินตอบแทนจากการออกจากงาน ข้อนี้หนักเลยครับสำหรับใครเป็นหนี้บัตรเครดิตและถูกฟ้อง และหนำซ้ำยังเกิดถูกเชิญออกจากงานอีก รู้ไว้เลยครับว่าเจ้าหนี้สามารถยึดเงินตรงนี้ของเราได้ด้วยครับ
หากเป็นหนี้บัตรเครดิต มีทรัพย์สินอะไรบ้างที่เจ้าหนี้ไม่สามารถยึดได้
หลังจากที่เรารู้กันไปแล้วว่าถ้าถูกฟ้องเรื่องหนี้บัตรเครดิต เจ้าหนี้สามารถฟ้องและขออายัดเงิน หรือ ทรัพย์สินอะไรของเราได้บ้างไปแล้ว ต่อไปผมจะมาบอกว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างที่ไม่สามารยึดหรือขออายัดได้ ที่มาบอกม่ใช่ว่าเป็นการสนับสนุนให้หาทางไม่จ่ายหนี้นะครับ แต่จะมาบอกให้รู้ว่าถ้าเจ้าหนี้ของมใครมายึดหรือ อายัดทรัพย์สินต่างๆดังต่อไปนี้ ถือว่าผิดกฎหมายและเราสามารถดำเนินการทางคดีกลับได้
1.เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งโดยส่วนมากจะต้องได้ไม่เกิน 20,000 โดยเงินนี้จะเป็นเงินที่บุคคลอื่นมอบไว้ให้เพื่อสำรองในการเลี้ยงชีพของลูกหนี้
2.เงินบำเหน็จ บำนาญและรายได้อื่นๆที่นอกเหนือจากหัวข้อที่แล้ว โดยปกติเเล้วจะต้องเป็นเงินที่ได้ไม่เกินไปกว่า 300,000 บาท
3.เงินเดือน ค่าจ้างต่างๆ รวมไปถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญของลุกหนี้ที่เป็น ข้าราชการ ข้อนี้จะต่างหัวข้อที่แล้วครับซึ่งถ้าเป็นเงินเดือนของข้าราชการจะไม่สามารถยึดหรืออายัดได้ครับ ต่างจากเงินเดือนของพนักงานบริษัททั่วๆไปที่สามารถยึดได้
หากลูกหนี้เสียชีวิตต้องทำอย่างไร
มีใครสงสัยมั๊ยครับว่าถ้าลูกหนี้ตาย เจ้าหนี้จะไปเก็บหนี้ต่อจากใคร ผมจะมาบอกให้ฟังเพื่อให้ทุกคนได้วางแผนในการจัดการหนี้ให้ดีๆ หากต้องเสียชีวิตในอนาคต เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนรุ่นหลัง
รู้ไว้เลยครับว่าถ้าหากลูกหนี้เกิดเสียชีวิตขึ้นมา เจ้าหนี้สามารถไปบังคับให้ทายาทชำระหนี้ต่อได้ โดยจะมีข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ต่างๆดังต่อไปนี้ครับ
การที่จะบังคับทายาทให้ชำระหนี้ต่อขากผู้ตายได้ ทายาทนั้นต้องมีมรดก โดยจะสามารถเก็บหนี้ได้แค่จากกองมรดกเท่านั้น ไม่สามารถเรียกเก็บเพิ่มจากทรัพย์สินส่วนตัวของทายาทได้ ส่วนในกรณีที่ทายาทของลูกหนี้ไม่มีมรดก เจ้าหนี้จะไม่สามารถดำเนินการอะไรต่อได้ และหนี้ก้อนนั้นจะกลายเป็นนี้สูญในทันครับ
การปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับคนเป็นหนี้บัตรเครดิต คืออะไร
สำหรับหัวข้อนี้ผมคิดว่าคงน่าจะมีหลายคนนะครับที่สนใจเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ว่าคือ อะไร ดังนั้นผมจะมาอธิบายให้ฟัง
การปรับโครสร้างหนี้ ก็คือการที่เราไปขอปรับรุปแบบการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถและสภาพคล่องทางการเงินของเราครับ ปรับเพื่ออะไร? ปรับเพื่อให้เราสามารถผ่อนใช้ระได้และตรงเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เกินประวัติการผ่อนชำระที่ไม่ดี และติดเครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลเสียต่องการกู้ และ ขอสินเชื่อต่างๆในอนาคตครับ
โดยการขอปรับโครงสร้างหนี้จะแบบออกเป็น 2 แบบหลักๆครับ นั่นก็คือ ยังผ่อนจ่ายไหวอยู่แต่อยากที่จะลดดอกเบี้ย, จ่ายไหวแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งผมจะมาอธิบายแยกย่อยในแต่ละหัวข้อให้เข้าใจไปด้วยกันครับ
1. สำหรับใครที่ยังผ่อนจ่ายไหวอยู่แต่อยากที่จะลดดอกเบี้ยอาจเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ดังต่อไปนี้
รีไฟแนนซ์ แน่นอนว่าการรีไฟแนนซ์สามารถช่วยให้ลดดอกเบี้ยได้ครับ โดยการรีไฟแนนซ์คือการที่เราไปขอวงเงินจากธนาคารใหม่ เพื่อมาโป๊ะหรือปิดหนี้ธนาคารเดิม ที่สำคัญการรีไฟแนนซ์ยังมีผลพลอยได้อีกอย่านึง คือ สามารถขยายเวลาในการผ่อนชำระออกไปได้ด้วยครับ
เปลี่ยนประเภทหนี้ วิธีการนี้ก็คือ การที่เราไปขอเปลี่ยนจากหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เป็นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำครับ เช่น จากเดิมเราชำระระแบบไม่เต็มจำนวนและตรงเวลา ซึ่งแบบนี้จะทำให้มีอัตรดอกเบี้ยสูงครับ ดังนั้นให้เราไปเปลี่ยนประเภทหนี้เป็นอื่นๆ เช่น มีระยะเวลาจ่ายคืนที่ชัดเจนขึ้น และอัตราดอกเบี้ยลดลง ก็จะทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยลงได้ครับ
2.ส่วนใครที่ผ่อนจ่ายไหวแค่บางส่วนผมแนะนำให้เลือกปรับโครงสร้างหนี้ ดังต่อไปนี้
ลดอัตราดอกเบี้ย การลดอัตรดอกเบี้ยจะช่วยให้จำนวนเงินที่ใช่ในการผ่อนชำระลดลง แต่ก็อาจจะไม่ได้มาก สำหรับคนที่ผ่อนไม่ไหวแบบไ่ไหวจริงอาจต้องใช้วิธีอื่นแทนครับ วิะีนี้จึงเหมาะกับคนที่ยังพอจ่ายไหวอยู่บ้างครับ
พักชำระเงินต้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีมากๆครับ สำหรับคนที่ผ่อนจ่ายไม่ไหวจริงๆ โดยการขอพักชะระเงินต้นออกไปก่อนเพื่อให้มีระยะเวลาในการหาเงินมาหมุน ซึ่งจะช่วยได้อย่างมากๆเลยครับ แต่ช่วงระยะพักหนี้ ถ้าพักเฉยๆไม่ได้หาทางเพื่อให้มีเงินเพิ่ม ก็อาจจะไม่ช่วยเท่าไหร่ครับ เพราะเมื่อถึงเวลาชำระหนี้ก็จะวนกลับมาลูปเดิม ดังนั้นช่วงพักชำระหนี้จึงต้องหาทางให้มีเงินเพิ่มขึ้นไปด้วยครับ
สรุปเริ่องการปิดหนี้บัตรเครดิต
สรุป การเป็นหนี้บัตรเครดิตย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีครับ ดังสุภาษิตไทยที่บอกไว้ว่า การไม่เป็นหนี้ คือ ลาภอันประเสริฐ แต่สำหรับใครที่เป็นหนี้บัตรเครดิตก็ไม่ต้องกังวลครับเพราะเราสามารถแก้ไขและวางแผนจัดการหนี้พวกนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต การขอพักหนี้ และอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคดีความและการฟ้องร้องเกิดขึ้น จนไปถึงขั้นการยึดทรัพย์ และที่แย่ไปกว่านั้นหากเราเสียชีวิต ภาระหนี้ที่สร้างไว้ ก็ต้องตกไปอยูกับลูกกับหลานของเราอีก เพราะฉนั้นการบริหารหนี้และการเงินจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเลยครับ