สินเชื่อแบบมีหลักประกัน คืออะไร? ผู้ที่ต้องการเงินก้อนโตควรรู้
วิกฤติทางการเงินสามารถเกิดขึ้นได้ไม่สิ้นสุด เป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อค่าเงินลดลง ก่อนที่จะเกิดปัญหาตามมาเรามาทำความรู้จักสินเชื่อแบบมีหลักประกันหน่อยดีกว่าครับ ตามปกติแล้วการขอสินเชื่อจะมีทั้งเงินกู้แบบไม่มีหลักประกัน และเงินกู้แบบมีหลักประกัน ซึ่งในวันนี้ผมจะลองพาเข้าไปเจาะลึกและศึกษากันก่อนว่าสินเชื่อแบบมีหลักประกันเป็นยังไง แล้วมันมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง
สินเชื่อแบบมีหลักประกัน คืออะไร?
สินเชื่อแบบมีหลักประกัน หรือ secured loan คือ เป็นการกู้เงินแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเป็นสินเชื่อรูปแบบหนึ่งที่มีวงเงินกู้มากกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่วงเงินที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินทรัพย์นั้น ที่เลือกใช้ในการค้ำประกัน เช่น สินเชื่อรถ สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อธุรกิจ เป็นต้น เป็นสินเชื่ออีก 1 ตัวที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเงินก้อนเพื่อนำไปจัดการภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น
ข้อดีของสินเชื่อแบบมีหลักประกัน
ต่อมาผมจะพาไปดูข้อดีของการขอสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ แล้วจะเป็นตัวช่วยตัดสินใจได้มากขึ้นรึเปล่า เราลองมาดูพร้อมกันเลย
- ดอกเบี้ยต่ำ เป็นเพราะว่าสินเชื่อใช้สินทรัพย์ในการค้ำประกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยถูกมากกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินเพื่อจ่ายดอกเบี้ยเยอะนั่นเองครับ
- วงเงินสูง เป็นเพราะว่ามีสินทรัพย์ค้ำประกันเช่นกัน แต่ในกรณีนี้วงเงินที่ได้รับจะสูงมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินทรัพย์ที่ใช้ โดยทางธนาคารจะเป็นผู้ประเมินสินทรัพย์เพื่อนำมาคำนวณยอดวงเงินสูงสุดต่อไปนั่นเอง
- ผ่อนได้นานกว่า สินเชื่อแบบมีหลักประกันจะสามารถผ่อนชำระได้ยาวนานสูงสุดถึง 30 ปี และแน่นอนว่าระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุดก็ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันนั่นเองครับ
- ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำ ด้วยระยะเวลาการผ่อนชำระที่นาน ส่งผลให้ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำไปด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการความคล่องทางการเงิน ทำให้การบริหารจัดการเงินสะดวกสบายขึ้นกว่าการเลือกขอสินเชื่ออื่น ๆ
- รีไฟแนนซ์หลักทรัพย์ได้ แม้จะใช้สินทรัพย์เป็นตัวค้ำประกัน แต่ก็ยังสามารถรีไฟแนนซ์เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยได้เพิ่มเติม ทำให้นอกจากอัตราดอกเบี้ยจะลดน้อยลง การผ่อนชำระก็ยิ่งหมดเร็วขึ้นนั้นเองครับ
สินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ต่างกันอย่างไร?
เราลงมาพูดถึงข้อแตกต่างระหว่างสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันกันบ้างครับว่า มีความแตกต่างกันยังไง ถ้าเพื่อน ๆ ได้ลองอ่านการเปรียบเทียบของสินเชื่อทั้งสองตัว รับรองว่าสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอนครับ
- ต้องมีสินทรัพย์เพื่อค้ำประกัน หลักทรัพย์ค้ำประกัน มีอะไรบ้าง? ต้องบอกว่าจะมีสินเชื่อ 3 รูปแบบ ที่คนเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจ ซึ่งทั้งสามตัวนี้ต้องใช้สินทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมด ทำให้สินเชื่อแบบมีหลักประกัน อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อโดยที่ไม่มีสินทรัพย์เป็นของตนเอง
- อัตราดอกเบี้ยที่แตกต่าง สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่า เพราะไม่มีหลักประกันใด ๆ เป็นข้อผูกมัดในการยื่นขอสินเชื่อ
- การอนุมัติวงเงินไม่เท่ากัน สินเชื่อแบบมีหลักประกันมักจะได้วงเงินที่สูงกว่า และสามารถขออนุมัติวงเงินได้สูงสุด 100% เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนเพื่อนำไปใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายแฝง กู้เงินแบบไม่มีหลักประกันจะไม่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เพราะขั้นตอนการจำนองบ้านสำหรับสินเชื่อแบบมีหลักประกันผู้กู้จะต้องออกค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง
วิธีการเตรียมตัวก่อนขอสินเชื่อแบบมีหลักประกันมีอะไรบ้าง?
แม้ข้อดีข้อดีของสินเชื่อแบบมีหลักประกันจะมีหลากหลายและน่าสนใจ แต่ไม่ว่ายังไงการกู้เงินแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร และอยากให้เพื่อน ๆ ได้ตรวจเช็กตัวเองถึงความพร้อมและความจำเป็นครับว่าเรามีความพร้อมมากแค่ไหน ผมจึงได้มีการลิสต์สิ่งที่เพื่อน ๆ ควรเตรียมตัวก่อนเริ่มขอสินเชื่อมาให้ทุกคนครับ จะมีอะไรบ้างเราลองมาดูกัน
ประเมินสถานะทางการเงินของตัวเอง
ก่อนอื่นต้องดูการเงินของตัวเองก่อน ว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรที่สำคัญและต้องรีบจัดการบ้าง เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนที่ดี ส่งผลให้เมื่อได้รับเงินจากสินเชื่อแบบมีหลักประกันเราจะสามารถจัดสรรปันส่วนภาระค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ตรวจสอบสินทรัพย์ที่มีอยู่
ลองตรวจสอบหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีอะไรบ้างที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นหลักประกันได้ เพราะหากไม่มีสินทรัพย์ในส่วนนี้สินเชื่อส่วนบุคคลอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า
เตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อม
เอกสารที่จำเป็นจะมี 3 หมวดหมู่ด้วยกันครับ ได้แก่
เอกสารส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือ สำเนาทะเบียนหย่า (ถ้ามี)
เอกสารทางการเงิน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน (1-6 เดือน)
- สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร (ย้อนหลัง 6 เดือน)
- เอกสารภาษีเงินได้ประจำปี (50 ทวิ)
เอกสารหลักประกัน
- สำเนาเอกสารกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกัน
- สัญญาซื้อขาย (กรณีสินทรัพย์ใหม่)
*เอกสารอาจต้องมีการจัดเตรียมเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร*
รักษาประวัติทางเงินให้ดี
ประวัติทางการเงินเป็นตัวแปรสำคัญต่อการอนุมัติสินเชื่อทุกรูปแบบ ถ้าเรามีเครดิตทางการเงินที่ดี มีประวัติการจ่ายหนี้ที่ตรงเวลาและครบถ้วน ก็จะเป็นตัวช่วยให้อนุมัติวงเงินได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
การขอสินเชื่อแบบมีหลักประกัน สามารถใช้ทรัพย์สินประเภทไหนค้ำประกันได้บ้าง?
สัญญากู้เงินแบบมีหลักประกัน มีความแตกต่างกับสินเชื่อเงินก้อนทั่วไปตรงที่เราต้องมีทรัพย์สินเพื่อค้ำประกันนั่นเองครับ แต่ว่าหลักทรัพย์ค้ําประกัน มีอะไรบ้างที่สามารถใช้ค้ำประกันได้ เราลองมาหาคำตอบแบบเจาะลึกกันดีกว่าครับ
- ที่ดินเปล่า เช่น ที่ดินจอดรถ ที่ดินพร้อมปลูกสร้าง และที่ดินทำสวน
- ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือสถานประกอบการที่มีในครอบครอง
- ที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด ก็ถูกนับเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงินที่สามารถใช้ได้เช่นกัน
- อสังหาฯ เชิงพาณิชย์ เช่น อพาร์ทเม้นท์ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน อาคารสำนักงาน และโรงแรม ถือเป็นสินทรัพย์ในหมวดการขอสินเชื่อธุรกิจ
- เงินฝากจากบัญชีธนาคาร หากมีจำนวนเงินมากพอตามเงื่อนไข ก็สามารถนำมาใช้ในการค้ำประกันได้ครับ
- หลักทรัพย์เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ ตราสารหนี้ หรือ หุ้นบุริมสิทธิ
ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถกระบะ ก็ถือเป็นสินทรัพย์ในหมวดสินเชื่อรถแลกเงินที่ใช้ในการขอสินเชื่อแบบมีหลักประกันได้
การคิดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่าย ในการขอสินเชื่อแบบมีหลักประกัน
พอจะทราบรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับสินเชื่อแบบมีหลักประกันไปพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของสินเชื่อ สินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกันได้ และสิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนการขอ สัญญากู้เงินแบบมีหลักประกัน แต่อีกสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือวิธีการคิดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อครับ
- ดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) เป็นการคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินกู้ทั้งหมดและคงอัตราดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาเงินกู้ เช่น ยอดกู้ 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 5% ต่อปี ระยะเวลา 10 ปี คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 50,000 บาทต่อปี หรือ 500,000 บาทตลอด 10 ปี
- ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) เป็นการคำนวณดอกเบี้ยจากยอดเงินต้นที่คงเหลือในแต่ละเดือน ยิ่งชำระคืนมาก ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลง เช่น หากชำระคืนเงินต้นทุกเดือน ยอดดอกเบี้ยในเดือนถัดไปจะลดลงเพราะเงินต้นที่คงเหลือน้อยลง
ข้อควรระวังในการขอสินเชื่ออเนกประสงค์แบบมีหลักประกัน
แม้จะมีข้อดีที่หลากหลาย แต่สินเชื่อแบบมีหลักประกันก็ต้องมีสิ่งที่ควรระวังด้วยเช่นกัน ในเรื่องของการผิดชำระหนี้ เพราะอาจส่งผลต่อการถูกยึดทรัพย์สินในการค้ำประกันได้ ซึ่งทรัพย์สินที่ถูกยึดไปอาจส่งผลต่ออนาคตทั้งกับตัวเองและลูกหลาน อีกทั้งหากต้องการเงินเพื่อใช้จ่ายทั่วไป อย่างการลงทุนกิจการ เดินทางออกนอกประเทศ ฯลฯ อาจต้องมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่ต้องใช้หลักประกัน เพราะมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่าสินเชื่อแบบมีหลักประกัน
สรุป
โดยรวมแล้วสัญญากู้เงินแบบมีหลักประกัน ค่อนข้างมีข้อดีที่หลากหลายแต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องให้ความใส่ใจ เพราะอาจสูญเสียทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันได้ แต่ถ้าหากมีความพร้อมและมั่นใจว่าต้องการขอสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกัน หรือจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไหนก็ตาม สามารถเข้ามาเลือกโปรโมชั่นที่สนใจได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ของเรา ที่มีโปรโมชั่นให้ดูอย่างครอบคลุม เพียงกรอกความต้องการและเลือกโปรโมชั่นที่สนใจได้เลยครับ