พักชำระหนี้ คืออะไร รีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม 2566
พักชำระหนี้ รีไฟแนนซ์บ้าน

พักชำระหนี้ คืออะไร รีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม 2566

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด กระทบเศรษฐกิจ กระทบคนในประเทศและมีมาตรการหนึ่งที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาช่วยเหลือนั้นคือ มาตรการพักชำระหนี้บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่เลยครับดังนั้น

สำหรับคนที่มีบ้านถ้าใครเข้าร่วมมาตรการแต่ละธนาคารเขาก็จะให้เราพักชำระเงินต้น และส่งแค่ดอกเบี้ยในช่วงระยะ 3 - 6 เดือน หลังจากนั้นจึงกลับมาผ่อนเป็นปกติครับ

ซึ่งผมจำได้เลยว่าช่วงเวลานั้นมีคนเข้าร่วมบริการเยอะมาก จนบางธนาคารออกเป็นนโยบายให้ผู้ที่ผ่อนบ้านกับธนาคารนั้นอยู่ทุกรายเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้บ้านเลยครับ แต่ใครที่ไม่ได้มีปัญหาแต่ได้เข้าร่วมอัตโนมัติก็ให้ผ่อนเป็นปกติไม่มีปัญหาใดๆ ครับ และในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็มีมาตรการคล้าย ๆ แต่เป็นของสินเชื่อประเภทอื่นตามออกมาครับ

และในช่วงเวลานั้นก็ถือว่าเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยบ้านถูกมาก ๆ อย่างโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่สมัครผ่านช่องทาง Refinn ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่มต้น 3.39% เท่านั้น (โปรโมชั่นพิเศษของธนาคารมีเฉพาะที่รีฟินน์เท่านั้น) และหลายคนเริ่มเข้าใจเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านมากขึ้นแล้วว่า ช่วยทั้งลดดอกเบี้ยบ้าน ลดยอดผ่อน เซฟเงินได้เป็นแสน เลยคิดจะทำการรีไฟแนนซ์กันแล้วก็เกิดคำถามขึ้นว่า เข้าร่วมมาตราการพักชำระหนี้อยู่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม? บทความนี้ผมจะมาอธิบายให้ฟังกันครับ

การพักชำระหนี้ คืออะไร

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติ “การพักชำระหนี้” ถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการปรับโครงสร้างหนี้ครับ การปรับโครงสร้างหนี้เป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินในระบบกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถผ่อนชำระเงินได้ตามที่เคยตกลงกันไว้ในสัญญา จะมีประมาณ 8 อย่าง ผมอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยนะครับ จากภาพด้านล่างเราจะเห็นว่ามาตรการ การพักชำระเงินต้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างหนี้ครับ

8 ทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้

พักชำระหนี้เงินต้น กับ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เหมือนกันไหม

หลายคนน่าจะพอเข้าใจกันในระดับนึงเเล้วนะครับว่าการพักชำระหนี้คืออะไร เเละมีวิธีดำเนินการยังไง ต่อมาผมจะมาสร้างความเข้าใจให้กับเพื่อนๆถึงความเเตกต่างระหว่างการพักชำระหนี้เงินต้นกับการพักชำระหนี้เงินต้นเเละดอกเบี้ยว่ามีความเเตกต่างกันในเรื่องไหนบ้าง เเละเเน่นอนว่ามันจะทำให้เพื่อนๆสามารถเลือกได้ง่ายมากขึ้นว่าควรเลือกทางไหนให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

พักชำระหนี้เงินต้น

สำหรับการพักชำระหนี้เงินต้นคือ การที่ทางธนาคารจะดำเนินการพักชำระเงินต้นของเราให้ แต่เรายังต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ครับ 

ยกตัวอย่างเช่น 

ปกติเราต้องผ่อนชำระหนี้ทั้งหมด 12,000 บาทต่อเดือน แบ่งเป็นเงินต้น 8,000 บาท ดอกเบี้ย 4000 บาท หากเราพักชำระหนี้เงินต้น เราจะจ่ายหนี้ต่อเดือนเพียงแค่ 4,000 บาทครับ ซึ่งเป็นดอกเบี้ย ส่วนเงินต้นจะถูกทบไปชำระในภายหลัง

ข้อดีสำหรับวิธีนี้ก็คือ เราจะไม่เสียประวัติทางการเงินครับถึงแม้ว่าในช่วงที่พักชำระหนี้เงินต้นอยู่เราจะจ่ายหนี้ไม่ครบ 12,000 บาทก็ตาม และที่สำคัญทำให้เรามีเงินเหลือ จากการที่พักชำระหนี้อีกด้วย 

พักชำระหนี้เงินต้นเเละดอกเบี้ย

การพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ก็ตรงตามชื่อเลยครับ ว่าพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเลย จากที่อ่านหัวข้อที่ผ่านมามันคือการพักเงินต้น 8,000 บาทแล้วจ่ายแค่ดอกเบี้ย 4,000 บาทใช่ไหมครับ แต่วิธีนี้คือพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเลย เป็นเงิน 12.000 บาทนั่นเอง

ข้อดีก็คือ เหมือนข้อด้านบนครับ โดยเราจะไม่เสียประวัติทางการเงิน และมีเงินเหลือใช้เพื่อจ่ายหนี้และดำรงชีวิตหลังจากที่เรามีรายได้ หรือ รายได้มากขึ้น 

ซึ่งทั้งสองวิธีที่ผ่านมาเป็นการพักชำระหนี้เฉยๆนะครับ ทางธนาคารไม่ได้ยกหนี้ให้เรา ดังนั้นเมื่อผ่านช่วงพักชำระหนี้ เราจะต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดคืนธนาคารเหมือนเดิม

ใครสนใจพักชำระหนี้มาดูคุณสมบัติของผู้พักชำระหนี้กัน

สำหรับคุณสมบัติของผู้พักชำระหนี้ ผมได้ลิสต์ออกมาเป็นข้อๆให้เพื่อนได้อ่านและทำความเข้าใจแบบง่ายๆ ดังนี้ครับ:

  • ต้องเป็นผู้ที่ สามารถยอมรับเงื่อนไขสำหรับการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้ หากพักชำระหนี้เงินต้นเเละดอกเบี้ย
  • ต้องเป็นผู้ที่ สามารถดำเนินการผ่อนชำระดอกเบี้ยต่อไปได้ ในกรณีที่พักชำระหนี้เงินต้น
  • ต้องเป็นผู้ที่ จะต้องสามารถปรับตัวได้สำหรับการหารายได้เพื่อจะมีรายรับเพิ่มเติมเมื่อสิ้นสุดการพักชำระหนี้

การพักภาระหนี้รูปแบบอื่นๆ

การพักภาระหนี้รูปแบบอื่นๆที่ควรรู้

นอกจากที่ได้กล่าวไปถึงความเเตกต่างระหว่างการพักชำระหนี้หนี้เงินต้นเเละการพักชำระหนี้เงินต้นเเละดอกเบี้ยกันไปเเล้ว เพื่อนๆหลายคนอาจคิดว่าสำหรับสองวิธีที่ผ่านมาเป็นเพียงวิธีที่ใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้นเพราะเป็นการพักชำระหนี้ตามข้อตกลง เเน่นอนว่าผมยังมีหนทางอื่นๆมาแนะนำเพื่อนๆอีกสำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะทำให้ภาระหนี้ของเพื่อนๆได้บรรเทาลงได้ จะมีอะไรบ้างเรามาอ่านไปพร้อมๆกันครับ

ลดอัตราดอกเบี้ย

สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดภาระหนี้ให้เราได้ครับ ซึ่งจะเหมาะสำหรับเพื่อนๆที่มีรายได้ที่ลดลงในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งสามารถทำข้อตกลงธนาคารได้ซึ่งข้อตกลงนี้มักทำได้สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน เพื่อให้ผู้ชำระได้มีเวลาปรับตัวสำหรับการผ่อนชำระที่ดียิ่งขึ้น

ขยายเวลาชำระหนี้

การขยายระยะเวลาชำระหนี้นั้น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่มีรายได้ลดลง และคาดว่าจะลดลงในระยะยาว 

โดยเราสามารถทำข้อตกลงให้การผ่อนกับธนาคารนั้นยาวนานขึ้นและผ่อนต่อเดือนลดลง เเต่การยืดระยะผ่อนชำระที่นานเกินไปอาจส่งผลให้มีการจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามเวลาที่ขยายตามไปด้วยครับ โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้นั้นต้องขึ้นอยู่กับประเภทหนี้ ยอดหนี้ เเละฐานเงินเดือนของตัวเราด้วยนะครับ

เปลี่ยนประเภทหนี้

การเปลี่ยนประเภทหนี้เป็นวิธีที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงได้ เเต่เราต้องมีความมั่นใจว่าเราสามารถชำระหนี้ได้มากกว่าที่เราเคยจ่ายในเเต่ละเดือน เนื่องจากว่าการเปลี่ยนประเภทหนี้จะเป็นการทำสินเชื่อเเบบมีกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระ ทำให้ดอกเบี้ยจะมีอัตราที่ต่ำลง เเต่จะต้องมีการผ่อนชำระในเเต่ละเดือนตามที่เงื่อนไขกำหนดที่ธนาคารนั้นๆกำหนดครับ

ถ้าการชำระหนี้แบบที่กล่าวมายังคิดว่าลดได้น้อย หรือ ในระยะยาวไม่เวิร์ค ขอแนะนำให้รู้จักกับการ “รีไฟแนนซ์”

ข้อนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ แต่สำหรับใครที่ยังมีรายได้ แต่อาจจะติดปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เช่น รายได้ลดลง มีรายจ่ายมากขึ้น แต่ไม่อยากใช้วิธีพักชำระหนี้ที่ผมได้บอกไป ผมขอแนะนำให้รู้จักการรีไฟแนนซ์ครับ เพราะมันจะช่วยส่งผลเรื่องการเงินของเราในระยะยาว

ผมขอยกเรื่องการ “รีไฟแนนซ์บ้าน” รู้ไหมครับว่าการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถช่วยเราประหยัดเงินได้ หลักแสน หลักล้าน ใน 20-30 ปีข้างหน้าเลยนะครับ 

ยกตัวอย่างเช่น เดิมเราผ่อนบ้านกับธนาคารอยู่ที่ดอกเบี้ย 3% แต่ เมื่อครบ 3 ปี ส่วนมากธนาคารจะปรับดอกเบี้ยขึ้นมา อาจจะเป็น 6% หรือมากกว่านั้น ซึ่งหลายคนที่ไม่ได้รีไฟแนนซ์ก็อาจที่จะต้องผ่อนบ้านในอัตรดอกเบี้ยที่เพิมขึ้้นเป็นระยะเวลา 20-30 ปีเลย สมมุติถ้าเราต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มจากเดิมเป็นเงิน 4,000 บาท 10 ปีผ่านไปก็เป็นเงิน 480,000 บาทแล้วใช่มั๊ยครับ 

แต่ถ้าเราทำการรีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยของเราจะลดลง เช่น อาจจะลดลง 2% เป็นเงินประมาณ 1,300 ต่อเดือน แต่ถ้าเป็นระยเวลา 10 ปี เราจะประหยัดเงินได้ถึง 156,000 บาทเลยนะครับ 

ดังนั้นถ้าเพื่อนๆสนใจรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มทำให้เรามีเงินเพิ่มขึ้น สามารถเข้ามาเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และสมัครรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารชั้นนำฟรีได้ที่ Refinn รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารชั้นนำ ฟรี!!

แล้วถ้าธนาคารให้เราเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้อัตโนมัติล่ะ

ถ้าธนาคารให้เราเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้อัตโนมัติ

ในเรื่องพักชำระหนี้ช่วงปีที่แล้วจะมีเหตุการณ์ที่ มีคนต้องการเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ธนาคารเลยให้ผู้ใช้บริการทุกท่านได้เข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยากเข้าร่วมก็ตาม ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี

1. ได้เข้ารวมอัตโนมัติแต่ว่าเรายังคงผ่อนจ่ายเป็นปกติ 

ไม่ได้จ่ายเพียงแค่ดอก ในกรณีสามารถยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ได้เลย ธนาคารรับผิดจารณาปกติ แต่ก็ต้องไปแจ้งธนาคารปัจจุบันว่าให้นำชื่อเราออกจากโครงการครับ

2. ได้เข้าร่วมอัตโนมัติก็เลยจ่ายตามที่ได้เข้าร่วมโครงการ 

ถ้าแบบนี้ก็จะไม่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ ต้องเข้าเกณฑ์อย่างที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ รอครบระยะเวลา แล้วกลับมาผ่อนเป็นปกติอีกสัก 3 - 6 เดือนครับ



ถ้าพักชำระหนี้บ้านไปแล้วแต่อยากรีไฟแนนซ์บ้านล่ะ จะทำได้ไหม

ในสถานการณ์ปกติถ้าเราทำการปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่เราจะผ่อนไม่ไหว เราจะไม่เสียเครดิตแต่ส่วนใหญ่ธนาคารจะให้เราทำสัญญาใหม่

ในกรณีที่เราเลือกใช้วิธี ยืดหนี้ พักชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย เช่น เราไปต่อลองขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารปรับลดดอกเบี้ยให้ เท่าที่เคยเจอก็จะมีการทำสัญญาใหม่และเราต้องเริ่ผ่อนไปอีก 3 - 5 ปี เราถึงจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ครับ 

แต่หากเราทำการ พักชำระหนี้บ้าน ในช่วงที่นโยบายประกาศจากทางภาครัฐ เราจะไม่ได้ทำสัญญาใหม่ครับ เนื่องจากเป็นมาตรการช่วยเหลือพิเศษจากทางธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือกับธนาคารต่าง ๆ ครับ 

แต่ถึงเราจะไม่ได้ทำสัญญาใหม่ แต่ในช่วงระยะเวลาที่เราเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย ก็จะยังไม่สามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้ครับ ต้องรอให้ครบระยะเวลาที่ตกลงกับธนาคารกันไว้ก่อน (ครบระยะเวลานะครับไม่ใช่ครบสัญญา)

รวมถึงหลังจบพักชำระหนี้แล้วเท่าที่ทราบมาเรายังต้องกลับมาผ่อนให้เป็นปกติก่อนประมาณ 3-6 เดือน เพื่อแสดงสถานะว่าเราสามารถกลับมาผ่อนชำระได้เป็นปกติ ก็จะสามารถกลับดำเนินการรีไฟแนนซ์ได้ครับ

ทั้งนี้หากจะทำการรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารจะดูสินเชื่ออื่นประกอบด้วยนะครับหากมีสินเชื่อในระบบ ตัวไหนที่มีการพักชำระหนี้อยู่ก็จะนำมาเป็นส่วนในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อด้วยเช่นกันครับ

ควรเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้บ้านไหม

จริงๆ แล้วโครงการพักชำระหนี้บ้านเป็นเรื่องที่ดีเลยนะครับ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงิน ขาดสภาพคล่อง การเขาร่วมโครงการก็จะช่วยให้เครดิตทางการเงินของเราไม่เสีย ดีกว่าการที่เรามาส่งล่าช้า หรือว่าขาดส่งไปเลย ซึ่งผลที่ตามมาอาจจะแย่กว่า

แต่ในกรณีที่เรายังไม่มีปัญหา สามารถผ่อนได้เป็นปกติ เราก็ควรผ่อนจ่ายให้เป็นปกติครับ เพราะการพักชำระหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการพักการจ่ายเงินต้น แต่ดอกเบี้ยเรายังต่อผ่อนอยู่ แล้วดอกเบี้ยบ้านก็คิดจากเงินต้นสะด้วย ดังนั้นถ่ายเราจ่ายเป็นปกติเรายังได้ตัดทั้งเงินต้นและดอก เดือนต่อ ๆ ก็จะจ่ายดอกเบี้ยถูกลงครับ

ซึ่งหากเราไม่ได้ประสบปัญหาทางการเงินแล้วถึงระยะเวลาที่ครบกำหนดพอดีผมก็แนะนำให้ทำการรีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ยบ้านจะดีกว่า ลองเข้าไปเปรียบเทียบโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้าน ยอดที่สามารถประหยัดได้ที่นี้เลยครับ www.refinn.com/

สรุปเรื่องพักชำระหนี้

ที่นี้เพื่อน ๆ น่าจะเข้าใจแล้วรู้กันแล้วนะครับว่าถ้าเราเข้าร่วมนโยบาย ตอนนี้เราสามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้ ส่วนใครที่ยังไม่ถึงกำหนดรีไฟแนนซ์ หรือยังไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้ตอนนี้ผมก็แนะนำให้ใช้บริการฟรีจากทางรีฟินน์กับ Refinn Alert ที่เราจะช่วยคอยเตือนเมื่อคุณถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวรีไฟแนนซ์บ้าน พร้อมช่วยให้คำแนะนำในการเตรียมเอกสารต่าง ทำให้การรีไฟแนนซ์บ้านของคุณง่ายขึ้น สมัคร Refinn Alert  รวมถึงคุณยังสามารถใช้บริการเปรียบเทียบโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้าน รีไฟแนนซ์รถ รวมไปถึง รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ฟรีได้ที่ Refinn

เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม