ค้างค่างวด ส่งผลอย่างไร จะโดนยึดรถไหม
เพื่อนๆหลายคนอาจมีค่าใช้จ่ายที่เร่งด่วนและสำคัญกว่าการชำระค่างวดรถไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่ารักษาพยาบาล การดูแลครอบครัว หรือแม้แต่ปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้รายได้ลดลงหรือสถานการณ์การเงินที่ไม่เสถียร เช่น การสูญเสียงาน การลดลงของธุรกิจ เป็นต้น
ซึ่งส่งผลให้บางคนไม่สามารถชำระเงินค่างวดรถตรงตามกำหนดได้ การค้างค่างวดรถจะทำให้คุณละเลยการชำระเงินตามกำหนด นี่อาจเป็นสัญญาณให้กับผู้ให้บริการการเงินว่าเราไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาการผ่อนชำระเงินได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เราถูกบันทึกข้อมูลลงในสถาบันเครดิต และอาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการขอสินเชื่อในอนาคตได้ครับ
จ่ายค่างวดได้ช้าสุดภายในกี่วัน
มาดูกันครับว่าเราสามารถค้างค่างวดได้กี่วัน หรือ กี่งวด การชำระเงินค่างวดที่ถูกต้องควรทำภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วันหลังจากวันที่ค่างวดนั้นครบกำหนดในปฏิทินการชำระเงิน
อย่างไรก็ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้อาจแตกต่างกันไปตามสัญญาการกู้ยืมและนโยบายของบริษัทที่เราได้ทำสัญญาไว้ด้วย
โดยปกติโดยทั่วไปแล้วเราสามารถค้างค่างวดได้สูงสุด 3 เดือน หรือ 3 งวด หากไม่ชำระเงินภายในระยะเวลาดังกล่าว เพื่อนๆอาจถูกปรับเพิ่มดอกเบี้ยหรือถูกบังคับให้ชำระเงินทันทีหรือหากเราไม่สามารถชำระเงินได้เพื่อนๆอาจถูกเพิกถอนสิทธิ์การใช้บริการทำให้ไฟแนนซ์ยึดรถของเราได้ครับ
ค้างค่างวดส่งเสียผลอย่างไรบ้าง
ค่างวดคือเงินที่ต้องชำระต่อเดือนหรือตามรอบการชำระเงินที่ตกลงกันระหว่างบุคคลกับผู้ให้บริการหรือเจ้าของสินค้าที่ผูกมัดสัญญากันเพื่อชำระเงินคืนสินค้าหรือบริการที่ซื้อหรือใช้ไปในระยะเวลาที่แน่นอน
การค้างค่างวดอาจส่งผลกระทบทางการเงินและเครดิตของบุคคลหรือองค์กรได้ในหลาย ๆ ด้านดังต่อไปนี้ครับ:
- ค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น: หากเราไม่ชำระค่างวดให้ทันเวลา บริษัทที่ให้สินเชื่อหรือเจ้าของหนี้อาจเรียกค่าดอกเบี้ยเพิ่มเข้ามาซึ่งอาจเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่ระบุในสัญญา การค้างค่างวดส่งเสียในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดหนี้ที่สะสมเพิ่มขึ้นด้วยค่าดอกเบี้ยที่สูงขึ้นด้วยครับ
- การลดความน่าเชื่อถือในสถาบันการเงิน: การค้างค่างวดส่งเสียอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของเราลดลงในสถาบันการเงิน สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะเก็บบันทึกการชำระเงินของลูกค้าและแบ่งปันข้อมูลกันระหว่างสถาบัน เมื่อเราค้างชำระหนี้จะมีผลต่อคะแนนเครดิตและความน่าเชื่อถือของเราที่สถาบันการเงินอื่น ๆ ที่อาจทำให้เรามีความยากลำบากในการขอสินเชื่อในอนาคตครับ
- ค่าปรับและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น: บางบริษัทอาจเรียกค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเมื่อเราค้างค่างวดส่งเสีย ค่าเหล่านี้อาจถูกบังคับให้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อต้องชำระหนี้
ค้างค่างวดจะโดนยึดรถต้องตรวจสอบพนักงานให้ดี
หากเราค้างค่างวดในสัญญาที่เกี่ยวกับการซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ อาจมีความเป็นไปได้ที่สัญญาจะมีข้อตกลงว่า ในกรณีที่ค้างค่างวดมานานพอควร ผู้ให้บริการหรือเจ้าของสินค้าอาจมีสิทธิ์ยึดรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของเรา โดยในการยึดรถเองมีสิ่งที่เราควรปฏิบัติในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือพนักงานที่มายึดรถดังนี้ครับ
ตรวจสอบพนักงานที่มายึดรถให้ดี
เมื่อมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของพนักงานที่มายึดรถ เราสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างเป็นธรรม:
- ตรวจสอบเอกสารและเป็นที่ปรึกษากฎหมาย: ทำการตรวจสอบว่าพนักงานที่มายึดรถมีเอกสารหรือหลักฐานที่เป็นหลักฐานอ้างอิงและอำนวยความสะดวกสำหรับกระบวนการยึดรถที่ถูกต้อง สอบถามพนักงานว่าเขามีประสบการณ์และความรู้ในกระบวนการยึดรถและความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่
- ตรวจสอบตราสัญลักษณ์และบุคลิกภาพ: ตรวจสอบว่าพนักงานมีเครื่องแบบหรือชุดยืนยันตัวตนที่ชัดเจนและเป็นที่เชื่อถือได้ อาจมีการตรวจสอบเครื่องหมายการรับรองตัวตน เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือบัตรพนักงาน
- ตรวจสอบเจตนาและความเป็นกลาง: พนักงานควรให้ข้อมูลอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการยึดรถ เราสามารถสอบถามว่ามีสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับกระบวนการยึดรถหรือขั้นตอนทางกฎหมายที่ควรรู้
- ตรวจสอบสิทธิและหลักฐาน: เราควรตรวจสอบสิทธิที่อ้างอิงในกระบวนการยึดรถว่าสอดคล้องกับข้อตกลงทางกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับการยึดรถ เราอาจปรึกษากับทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำเพิ่มเติมครับ
- รายงานและรับรองการตรวจสอบ: หากพบข้อไม่เหมาะสมหรือข้อกังวลใด ๆ ควรรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นแก่สถานที่ที่มีอำนาจหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ และร้องขอรายงานการตรวจสอบและการยึดรถในรูปแบบที่เป็นทางการ
และควรจำไว้ว่าการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของพนักงานที่มายึดรถเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินกระบวนการเป็นไปตามกฎหมายและการปฏิบัติอย่างถูกต้อง หากมีความสงสัยใด ๆ ควรรับคำปรึกษาจากทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านนี้เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและเป็นทางกฎหมายครับ
โดนยึดรถจากการค้างค่างวดรถ ควรทำอย่างไร
การโดนยึดรถถ้าเราลองวิเคระห์ดู สาเหตุที่เป็นเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ อาจเป็นเพราะเราไม่ได้ชำระค่างวดรถเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรทำให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจยึดรถของเรา
โดยข้อควรรู้หากโดนยึดรถจะมีดังนี้ครับ
1.ไม่สามารถยึดรถได้ถ้าเราไม่ยินยอม
การยึดรถยนต์โดยไม่ได้รับยินยอมของเจ้าของรถนั้นไม่สามารถทำได้ หากเราพบว่ามีการขู่ว่าจะยึดรถยนต์และเราไม่ยินยอม การยึดรถยนต์จะมีขั้นตอนเฉพาะตามกฎหมายและขึ้นอยู่กับกรณีนั้น ๆ แต่ละกรณีและเมื่อมีการใช้กำลังหรือความรุนแรงในการยึดควรเก็บหลักฐานเพื่อใช้ในการดำเนินทางตามกำหนดที่กำหนด
2.ที่สำคัญไฟแนนซ์จะเรียกค่าเสียหายได้แค่ที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น
ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นป็นสิทธิของสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ให้บริการไฟแนนซ์เท่านั้นที่สามารถเรียกเก็บได้ ซึ่งค่าเสียหายเหล่านี้สามารถประกอบด้วยค่าชดเชยความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น เช่น ค่าดอกเบี้ยที่ค้างชำระ, ค่าปรับการชำระเงินล่าช้า, หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการละเมิดสัญญาแต่ไม่สามารถเรียกเก็บสูงมากกว่าค่าใช้จ่ายจริงได้
3.ซึ่งหากไฟแนนซ์เรียกค่าใช้จ่ายสูงเกินไป เราสามารถขอสู้คดีได้
ในกรณีที่เราเชื่อว่าค่าใช้จ่ายที่ไฟแนนซ์เรียกเก็บมีจำนวนเกินกว่าที่ถูกต้องหรือเหมาะสม เราสามารถดำเนินคดีเพื่อขอความช่วยเหลือหรือสามารถ คุณควรพบทนายความที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือในการเตรียมคำร้องขอเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ทนายความจะช่วยคุณวิเคราะห์ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่ไฟแนนซ์เรียกเก็บ และช่วยคุณในการเตรียมหลักฐานและเอกสารที่จำเป็นสำหรับคดี
4.ถ้าไม่มีเงินชดใช้ล่ะ จะติดคุกมั๊ยนะ?
การไม่สามารถชำระเงินค่างวดรถหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาไฟแนนซ์ไม่ได้เป็นเหตุให้ถูกคุกคามได้โดยตรงจึงผิดแค่กฎหมายแพ่งไม่ใช่กฎหมายอาญา การไม่ชำระเงินค่างวดรถอาจส่งผลให้ฝ่ายไฟแนนซ์ดำเนินกระบวนการทางกฎหมายเพื่อขอยึดรถยนต์เป็นเงินประกันหรือขอดำเนินการในทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ตามสัญญา
ซึ่งอาจผลักดันให้ถึงขั้นคดีศาลในที่สุดหากไม่สามารถชำระหนี้หรือยอมชดใช้ในทางปฏิบัติได้ตามข้อตกลงกับฝ่ายไฟแนนซ์ ดังนั้นหากคไม่มีเงินชดใช้ก็ไม่สามารถติดคุกได้
ถ้าผ่อนชำระค่างวดไม่ไหว ควรทำอย่างไร
เมื่อผ่อนชำระค่างวดไม่ไหว การขอประนอมหนี้เมื่อค้างค่างวดเป็นกระบวนการที่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ครับ:
- ติดต่อกับสถาบันการเงิน: ติดต่อสถาบันการเงินที่เป็นหนี้และแจ้งให้พวกเขาทราบว่าเราต้องการขอประนอมหนี้ เราสามารถทำการนัดหมายหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการจากสถาบันการเงินได้ครับ
- รวบรวมข้อมูลการเงิน: เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการขอประนอมหนี้ เช่น สำเนาเอกสารการชำระหนี้ที่ค้างชำระ สลิปเงินเดือน สำเนาใบสำคัญจ่าย และเอกสารอื่น ๆ ที่สถาบันการเงินอาจขอตามความต้องการ
- สรุปยอดหนี้: ทำการสรุปยอดหนี้ทั้งหมดที่เราต้องการประนอมหนี้ รวมถึงเงินต้น ดอกเบี้ยที่ค้างชำระ ค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- พิจารณาตัวเลือก: พิจารณาตัวเลือกที่มีอยู่ เช่น การปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ เพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระ หรือลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ควรให้คำนึงถึงผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสูญเสียดอกเบี้ยที่มีอยู่ การเพิ่มระยะเวลาการชำระ หรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น
- ยื่นคำขอประนอมหนี้: ส่งคำขอประนอมหนี้พร้อมกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่สถาบันการเงิน คุณอาจต้องกรอกแบบฟอร์มหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมตามที่สถาบันการเงินร้องขอ
- ติดตามสถานะคำขอ: ติดตามสถานะคำขอประนอมหนี้ของคุณจากสถาบันการเงิน และสอบถามถึงขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการต่อ
การขอประนอมหนี้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่เรามีหนี้อยู่ คำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงแนวทางทั่วไป คุณควรติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอคำแนะนำและแนวทางการขอประนอมหนี้ที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์นั้นๆครับ
ค้างค่างวดส่งผลต่อการขอสินเชื่อไหม
ค้างค่างวดสามารถส่งผลต่อการขอสินเชื่อได้เป็นอย่างมาก การขอสินเชื่อใด ๆ จะต้องผ่านกระบวนการการตรวจสอบประวัติเครดิตของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับสถาบันการเงินในการตัดสินใจว่าจะให้สินเชื่อหรือไม่
หากมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้หรือค้างชำระค่างวด สถาบันการเงินจะเห็นว่าคุณมีความเสี่ยงในการชำระหนี้ที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ยากขึ้นในการขอสินเชื่อในอนาคต และถ้าสถาบันการเงินตัดสินใจจะให้สินเชื่อ อาจมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหรือเงื่อนไขการกู้ยืมที่เข้มงวดมากขึ้น
การค้างชำระหนี้หรือค้างค่างวดยังสามารถส่งผลต่อคะแนนเครดิตของเราด้วย คะแนนเครดิตต่ำอาจทำให้ไม่ได้รับเงินกู้จากสถาบันการเงินหรือต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเดิม
นอกจากไม่ค้างค่างวดแล้ว ต้องมีคุณสมบัติอะไรอีกบ้างถ้าจะขอสินเชื่อรถยนต์
เมื่อต้องการขอสินเชื่อหรือรีไฟแนนซ์รถในประเทศไทย นอกเหนือจากห้ามค้างค่างวด ยังต้องมีคุณสมบัติอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนในการขอสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติที่ต้องการอาจแตกต่างไปตามแต่ละสถาบันการเงิน ดังนั้นนี่เป็นรายการคุณสมบัติทั่วไปที่ส่วนใหญ่ของสถาบันการเงินในประเทศไทยอาจต้องการดังนี้:
- คุณสมบัติการเงินดี: สถาบันการเงินต้องการให้คุณมีแหล่งเงินทุนและสามารถจ่ายค่างวดสินเชื่อได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด อาจเป็นการตรวจสอบรายได้ประจำ หรือการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของเรา
- ประวัติเครดิตดี: สถาบันการเงินจะตรวจสอบประวัติเครดิตของเราเพื่อดูว่าคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีและปราศจากปัญหาทางการเงิน คะแนนเครดิตที่ดีจะเป็นประโยชน์ในการขอสินเชื่อหรือรีไฟแนนซ์รถ
- อายุงานและความมั่นคง: สถาบันการเงินมักต้องการให้ผู้ขอสินเชื่อมีอายุงานที่เพียงพอและความมั่นคงในการทำงาน นี่เป็นเพื่อให้แสดงถึงความสามารถในการสร้างรายได้และความเสถียรภาพการเงิน
- รายได้และค่าใช้จ่าย: เราต้องแสดงให้เห็นถึงรายได้และค่าใช้จ่ายของเรา เพื่อให้สถาบันการเงินมั่นใจว่าเราสามารถจ่ายค่างวดสินเชื่อได้ตรงตามที่กำหนด
- การมีหนี้สินอื่น ๆ: สถาบันการเงินอาจพิจารณาว่าเรามีหนี้สินอื่น ๆ มากเกินไปหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการขอสินเชื่อรถหรือรีไฟแนนซ์
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขและคุณสมบัติสำหรับการขอสินเชื่อหรือรีไฟแนนซ์รถอาจแตกต่างไปตามสถาบันการเงินและนโยบายที่มีอยู่ ดังนั้น ควรติดต่อสถาบันการเงินที่สนใจเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติและเงื่อนไขการขอสินเชื่อที่แนะนำ
ต้องการเงินด่วน ควรทำอย่างไร
ถ้ารู้สึกว่าเราไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดหรือหนี้สินปัจจุบันได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าการกู้สินเชื่อเพื่อปิดหนี้สินเดิมเป็นทางออกที่ดีในบางกรณี มีบริการสินเชื่อหลากหลายที่สามารถใช้เพื่อปิดหนี้สินและลดความเสี่ยงที่จะค้างค่างวด ตัวอย่างเช่น:
- สินเชื่อส่วนบุคคล: เราสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ๆ เพื่อใช้เงินชำระหนี้สินเดิมที่คุณต้องการปิดได้ครับ
สมัครสินเชื่อส่วนบุคคลและเปรียบเทีบฟรีได้ที่ : สินเชื่อส่วนบุคคล
- การรีไฟแนนซ์สินเชื่อ: หากมีสินเชื่ออยู่แล้ว เช่น สินเชื่อรถยนต์หรือสินเชื่อบ้าน เราสามารถสมัครรีไฟแนนซ์เพื่อเพิ่มเงินหรือปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ อย่างเช่น ลดอัตราดอกเบี้ยหรือเปลี่ยนระยะเวลาการผ่อนชำระ และใช้ส่วนที่ได้รับจากการรีไฟแนนซ์ในการปิดหนี้สินเดิม
สมัครสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านและเปรียบเทียบโปรโมชันฟรีได้ที่ : รีไฟแนนซ์บ้าน / รีไฟแนนซ์คอนโด
เปรียบเทียบโปรโมชันรีไฟแนนซ์รถฟรีและสมัครได้ที่ : รีไฟแนนซ์รถยนต์
- รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต: หากเรามีหนี้สินบัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูง สามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อชำระหนี้บัตรเครดิตที่ค้างคาให้เหลือเพียงหนี้สินเดียว โดยการผ่อนชำระในรูปแบบนี้อาจมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและระยะเวลาการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นกว่า
ซึ่งการกู้สินเชื่อเช่นนี้อาจมีข้อดีดังนี้:
เปรียบเทียบฟรีโปรโมชันรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตและสมัครได้ที่ : รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
- ลดหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ: โดยกู้สินเชื่อเพื่อปิดหนี้สินเดิม จะสามารถปิดหนี้สินทั้งหมดและเหลือเพียงหนี้สินเดียวที่ต้องผ่อนชำระ ซึ่งอาจช่วยให้มีการจัดการด้านการเงินที่ง่ายกว่า
- อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า: หากมีความสามารถในการขอสินเชื่อใหม่ สถาบันการเงินอาจมอบเงื่อนไขการกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้สินเดิม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในดอกเบี้ยในระยะยาว
- รวมหนี้สินเป็นรายเดียว: การกู้สินเชื่อเพื่อปิดหนี้สินเดิมจะช่วยให้คุณมีเงินเดือนหรือรายได้ที่ใช้จ่ายสำหรับหนี้สินเพียงรายเดียวเท่านั้น ทำให้ง่ายต่อการจัดการและควบคุมการเงินของเราครับ
ควรติดต่อสถาบันการเงินหรือธนาคารเพื่อขอคำปรึกษาและตรวจสอบเงื่อนไขการกู้สินเชื่อที่เหมาะสมตามสถานการณ์และความต้องการของเรา ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้จะเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และควรพิจารณาตามสถานการณ์และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของเราครับ
สรุปเรื่องค้างค่างวด
ค้างค่างวดส่งผลต่อการผ่อนชำระ หากไม่สามารถชำระเงินค่างวดตามสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนดส่วนมากแล้ว ผู้ให้สินเชื่อจะมีสิทธิที่จะดำเนินการยึดรถยนต์ของเรา
ดังนั้นจึงควรดำเนินการเพื่อคืนค่าเงินที่ค้างไว้ การยึดรถยนต์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการค้างค่างวด ผู้ให้สินเชื่ออาจใช้วิธีการติดต่อเราและบอกให้ชำระเงินค้างภายในระยะเวลาที่กำหนดก่อนที่จะดำเนินการยึดรถยนต์
หากยังไม่ชำระหนี้หรือไม่ติดต่อกลับ ผู้ให้สินเชื่ออาจดำเนินการยึดรถยนต์ของเราเพื่อชำระหนี้ การยึดรถยนต์อาจมีการดำเนินการทางกฎหมายเช่นการฟ้องคดี ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และหากไม่ชำระหนี้หลังจากการยึดรถยนต์ ผู้ให้สินเชื่ออาจขายรถยนต์เพื่อชำระหนี้ที่ค้างไว้
ดังนั้น ค้างค่างวดสามารถทำให้ผู้ให้สินเชื่อดำเนินการยึดรถยนต์ของเราเพื่อชำระหนี้และอาจส่งผลให้เราสูญเสียการถือครองรถไป นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินคดีทางกฎหมายที่อาจต้องเผชิญหน้าในกรณีที่ไม่ชำระหนี้หลังจากการยึดรถยนต์
ดังนั้นการปฏิบัติตนและการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างค่างวดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นวิธีปฎิบัติที่ผมได้รวบรวมมาไว้ให้เพื่อนๆได้พิจาราและถือเป็นหนึ่งในวิธีรับมือเมื่อคุณมีเหตุให้ค้างค่างวดครับ
หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ เพจ Facebook : Refinn หรือ Line id : @Refinn