ดอกเบี้ยบ้าน ล่าสุด 2567 ทุกธนาคาร เลือกกู้ซื้อบ้านที่ไหนดี มีคำตอบ !
สำหรับใครกำลังศึกษาเกี่ยวกับการซื้อบ้านครั้งแรกหรือกำลังต้องการใช้เงินเพื่อนำมารีโนเวทบ้านสุดที่รักของเรา การขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านคอนโดมิเนียมหรือที่อยู่อาศัยเป็นกระบวนการทางการเงินที่สำคัญและอาจมีผลกับชีวิตคุณมาก เพราะว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่คุณจะตัดสินใจเกี่ยวกับการผ่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยกู้บ้าน รีไฟแนนซ์บ้าน หรือขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน ที่เหมาะสมกับคุณ
แต่ก่อนที่คุณจะขอสินเชื่อ เรื่องที่คุณควรทราบและทำความเข้าใจอย่างชัดเจน ก็คือเรื่องของ "ดอกเบี้ยกู้บ้าน" เพราะดอกเบี้ยกู้บ้านเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด ดอกเบี้ยตัวนี้ไม่เพียงแค่เป็นต้นทุนของการกู้ยืมเงินเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการชำระหนี้และสภาพความเสี่ยงทางการเงินของคุณในอนาคตความสามารถในการวางแผนการเงินในระยะยาว โดยในบทความนี้เราจะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจเรื่องราวของดอกเบี้ยกู้บ้านในลักษณะต่าง ๆ และวิธีการเลือกประเภทดอกเบี้ยที่เหมาะกับคุณ เพื่อเป็นแนวทางที่จะช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องการผ่อนบ้านให้เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจง่ายขึ้น เพราะหากไม่เข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยกู้บ้าน คุณอาจต้องเจอกับค่าดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่คาดคิด ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่มี
ดอกเบี้ยบ้าน คืออะไร
ดอกเบี้ยบ้าน (Home Loan) คือการกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ๆ เพื่อซื้อหรือสร้างบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย หรืออาจเป็นการทำประกันสัญญากู้เพื่อเป็นทุนหรือเงินสำรองในการซื้อบ้านด้วย ดอกเบี้ยบ้านจะถูกคำนวณตามเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่ค้างชำระ ซึ่งทำให้ผู้กู้ต้องชำระเงินคืนให้กับนิติบุคคลกู้ยืมเงินจำนวนมากกว่ายอดเงินที่กู้ยืมไปเองเพียงเล็กน้อย แน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่างกันไปตามอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันและเงื่อนไขการกู้ยืมของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ให้บริการ
เมื่อคุณมีความตั้งใจที่จะกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านใหม่ สิ่งหนึ่งที่ควรทำความเข้าใจอย่างดีคือ ประเภทของอัตราดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบ้านที่คุณจะได้รับ อัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมากต่อการผ่อนชำระเงินกู้และการวางแผนการเงินของคุณ เพื่อความรอบคอบและเหมาะสมมากที่สุด มีการแบ่งประเภทของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่
อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate Loan)
อัตราดอกเบี้ยคงที่หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่จะคงที่ตลอดระยะเวลาที่กำหนดในสัญญากู้ยืมเงิน นั่นหมายความว่า อัตราดอกเบี้ยที่คุณตกลงกับธนาคารจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลานั้น เช่น หากคุณได้รับอัตราดอกเบี้ยคงที่เป็นเวลา 3 ปีหรือ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยจะคงที่เหมือนเดิมไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ตลอดระยะเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปในตลาด ดอกเบี้ยประเภทนี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินและการบัญชีได้อย่างมั่นคง เนื่องจากค่างวดการผ่อนชำระเงินต่อเดือนจะเท่ากันตลอดระยะเวลาของสัญญากู้ยืมเงิน นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้อีก โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
- ดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลากู้ คือ ดอกเบี้ยจะคงที่ประเภทที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาของสัญญากู้ยืมเงิน คุณจะชำระเงินตามอัตราดอกเบี้ยเดิมในแต่ละงวดชำระเงิน ทำให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ตรงตามแผนและงบประมาณของคุณ
- ดอกเบี้ยคงที่ในช่วงแรกเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้จะถูกตรึงเอาไว้ในช่วงเริ่มต้นของสัญญากู้ยืมเงิน ซึ่งมักจะอยู่ในช่วง 1-5 ปีแรก หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ยอาจถูกปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงิน
- ดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนดเอาไว้ในช่วงหนึ่ง แต่จะมีการปรับเปลี่ยนทีละขั้นตามระยะเวลา เช่น ในปีแรกจะมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 2.30% ในปีที่สองจะเป็น 3.55% และในปีที่สามจะเป็น 4.50% จากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเปลี่ยนตามขึ้นไปเรื่อยๆ
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Loan)
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คืออัตราดอกเบี้ยที่จะเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านของคุณเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านของคุณจะลดลงเช่นกัน อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณพร้อมที่จะรับความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวยังสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทย่อย ดังนี้
- MLR (Minimum Loan Rate) - อัตราดอกเบี้ยลอยตัวขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่มีประวัติการชำระเงินดี โดยส่วนใหญ่ใช้กับสินเชื่อธุรกิจหรือสินเชื่อที่มีวงเงินใหญ่และระยะเวลาผ่อนชำระยาวนาน อัตราดอกเบี้ยนี้จะถูกกำหนดโดยธนาคารให้เป็นขั้นต่ำ และมักมีระยะเวลาที่ชัดเจนในสัญญา
- MRR (Minimum Retail Rate) - อัตราดอกเบี้ยลอยตัวขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อยที่มีประวัติการชำระเงินดี ส่วนใหญ่ใช้กับสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย เช่น สินเชื่อที่ใช้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม อัตราดอกเบี้ยนี้ถูกกำหนดขั้นต่ำโดยธนาคารเพื่อให้ผู้กู้ที่มีประวัติการชำระเงินดีสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้
- MOR (Minimum Overdraft Rate) - อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ถูกนำมาใช้อ้างอิงสำหรับการเบิกเงินเกินวงเงินที่ผู้เช่าบัญชีได้รับอนุญาต ประเภทนี้ส่วนใหญ่ใช้กับลูกค้ารายใหญ่ที่มีประวัติการเงินดีและมีวงเงินเบิกเกินบัญชีเพื่อความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน
การเลือกประเภทของดอกเบี้ยที่เหมาะกับคุณขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงินและยอดความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับผิดชอบ เพื่อให้คุณสามารถจัดการดอกเบี้ยและยอดเงินที่ต้องชำระเป็นรายเดือนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางอัตราดอกเบี้ยบ้าน 2567
ตัวอย่างตารางอัตราดอกเบี้ย 8 ธนาคาร
อัตราดอกเบี้ยอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายของธนาคาร ดังนั้นคุณควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากสถาบันการเงินก่อนที่จะตัดสินใจกู้ยืม รวมถึงคุณสมบัติของผู้สมัคร ระยะเวลากู้ยืมเงิน และเงื่อนไขต่างๆ ตามที่ธนาคารกำหนด นอกจากนี้ยังแตกต่างกันไปตามประเภทของสินเชื่อ เช่น สินเชื่อบ้านมือสอง, สินเชื่อบ้านแลกเงิน, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อเงินด่วน หรือสินเชื่อธุรกิจ การตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งที่มาเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องการรายละเอียดที่ถูกต้องและอัปเดตของอัตราดอกเบี้ยแต่ละธนาคาร
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3” โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เปิดให้จองสิทธิเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 และสิ้นสุดระยะเวลาทำนิติกรรม ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ซึ่งธนาคารจะให้วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาท ต่อรายต่อหลักประกัน และมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ดอกเบี้ย บ้าน ธอส คงที่ 5 ปีแรก 3.00% ต่อปี หลังจากนั้นดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัว ขึ้นลงตาม MRR ตามประกาศธนาคาร ระยะเวลาการกู้สูงสุดนาน 40 ปี
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่จะกู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน ผู้ที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว และกลุ่มผู้สูงอายุได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
ธนาคารทหารไทยธนชาต
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “สินเชื่อบ้านใหม่ - บ้านมือสอง” ที่มีให้เลือกหลากหลายแบบ ให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ โดยดอกเบี้ยพิเศษคงที่ปีแรก 2.75%ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรก 3.70% ต่อปี
ผ่อนสบายนานสูงสุด 35 ปี พร้อมฟรี ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยรวมถึงค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการกู้เงินซื้อบ้านใหม่ บ้านมือสอง คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม
วงเงินอนุมัติ : วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท หรือ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินของธนาคาร
ธนาคารกรุงเทพ
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ สินเชื่อบ้านบัวหลวง “สินเชื่อบ้านสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ” วงเงินสูงสุด 100% ของมูลค่าหลักประกัน สามารถเลือกผ่อนชำระได้ทั้งแบบขั้นบันได หรือแบบคงที่ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเริ่มต้นที่ 4.45% ต่อปี อีกทั้งไม่คิดค่าประเมินราคาหลักประกันและค่าธรรมเนียมในการจัดการสินเชื่อ
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: กลุ่มวิชาชีพเฉพาะ แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกรผู้มีรายได้ประจำ ผู้พิพากษา อัยการ นักบินพาณิชย์และลุ่มวิชาชีพวิศวกร
ธนาคารกรุงศรีฯ
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อที่อยู่อาศัย” สำหรับอัตราดอกเบี้ยบ้านมือสองและบ้านมือหนึ่งต่ำ เพราะวงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมินสำหรับบ้านใหม่* หรือวงเงินกู้สูงสุด 85% ของราคาประเมินสำหรับบ้านมือสอง
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการมีบ้านไม่ว่าจะเป็นบ้านมือหนึ่งหรือบ้านมือสองเพราะทางธนาคารมีดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเริ่ม 5.28% เท่านั้น
ธนาคารกสิกรไทย
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “สินเชื่อบ้านสีเขียว รักษ์โลก” ที่ให้วงเงินสูงสุด 110% ของมูลค่าหลักประกัน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเริ่มต้นที่ 3.45% ต่อปี พร้อมทั้งฟรี ค่าประเมินหลักประกัน และรับ K Point เพิ่มสูงถึง 40,000 คะแนน
วงเงินกู้ไม่เกิน 110% ของราคาซื้อขาย และไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักประกัน
(สินเชื่อบ้านสีเขียว รักษ์โลก ซื้อบ้านใหม่ บ้านรักษ์โลก บ้านประหยัดพลังงาน จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สำหรับโครงการหมู่บ้านมีราคาซื้อขายบ้านตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป)
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่ซ้อบ้านประหยัดพลังงาน จากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สำหรับโครงการหมู่บ้านมีราคาซื้อขายบ้านตั้งแต่ 8 ล้านบาทขึ้นไป และลูกค้จะต้องต้องทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน โดยมีทุนประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อขั้นต่ำ 70% ขึ้นไปตามเงื่อนไขของธนาคาร
ธนาคารกรุงไทย
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “สินเชื่อบ้านกรุงไทย” อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปีแรกเริ่มต้น 3.70% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน (กรณีผู้กู้ประสงค์ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ) ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการดอกเบี้ยต่ำในปีแรกสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ / ซื้อที่อยู่อาศัยมือสอง / ปลูกสร้างที่อยู่อาศัย / ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัย
ธนาคารออมสิน
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “สินเชื่อเคหะรีไฟแนนซ์ และกู้เพิ่มเติม” โดยจำนวนเงินให้กู้กรณีไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น รวมถึงกู้เพิ่มเติมกับธนาคารเพื่อการอุปโภคบริโภค วงเงินกู้รวมสูงสุด 110% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ กรณีกู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ และ/หรือเป็นค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน ลดภาระการผ่อน ประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ดอกเบี้ย 3 ปีเริ่ม 4.965%
ธนาคารไทยพาณิชย์
รูปแบบสินเชื่อที่น่าสนใจ คือ “สินเชื่อบ้านคือเงิน My Home My Cash” โดยการนำอสังหาริมทรัพย์มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เช่น บ้านเดี่ยว,ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม, อาคารพาณิชย์ (ตึกแถว), คอนโดมิเนียม, ที่ดินว่างเปล่า (ไม่รกร้าง และอยู่ในชุมชนพักอาศัย) วงเงินสินเชื่อสูงสุด 20 ล้านบาท
ดอกเบี้ยกู้บ้านเหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อต่อเติมบ้านหรือทำตามความฝัน เพราะรู้ผลอนุมัติไวภายใน 1 วันทำการ
ดอกเบี้ยบ้าน คิดยังไง
ดอกเบี้ยบ้านส่วนมากธนาคารมักจะมีการกำหนดเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ใน 3 ปีแรกและจะเปลี่ยนเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัวเมื่อผ่านไป 3 ปี ยังไงมาดูตัวอย่างกัน
ตัวอย่างการกำหนดดอกเบี้ยบ้าน:
หากคุณกู้ยืมเงินซื้อบ้านจำนวน 2,000,000 บาท โดยใน 3 ปีแรกธนาคารจะให้โปรโมชันเป็นดอกเบี้ยคงที่เช่น 3.5% ต่อปี แต่พอหลังจาก 3 ปี ดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัว ขึ้นลงตาม MRR เป็น 3.0% และถูกกำหนดเป็น MRR + 1.5% หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยส่วนต่างจะเป็น 4.5% ต่อปี แต่ถ้า MRR เปลี่ยนไปเป็น 3.5% อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็น 5.0% ต่อปี
การคำนวณ:
ในช่วง 3 ปีแรก (โปรโมชันคงที่ 3.5%): ในช่วง 3 ปีแรกที่มีโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี คุณจะชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่คงที่ตามอัตราดังกล่าว
- ปีที่ 1: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 3.5%) / 12 + 2,000,000 / 36
- ปีที่ 2: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 3.5%) / 12 + 2,000,000 / 36
- ปีที่ 3: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 3.5%) / 12 + 2,000,000 / 36
หลังจาก 3 ปี (ดอกเบี้ยแบบลอยตัว): อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงตามอัตรา MRR และส่วนต่างที่ธนาคารกำหนด
- ปีที่ 4: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 4.5%) / 12 + 2,000,000 / 36
- ปีที่ 5: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 4.5%) / 12 + 2,000,000 / 36
- ปีที่ 6: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 4.5%) / 12 + 2,000,000 / 36
หาก MRR เปลี่ยนไปเป็น 3.5% อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็น 5.0% ต่อปี:
- ปีที่ 4: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 5.0%) / 12 + 2,000,000 / 36
- ปีที่ 5: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 5.0%) / 12 + 2,000,000 / 36
- ปีที่ 6: ชำระเงินเดือนละ (เงินต้น + ดอกเบี้ย) = (2,000,000 * 5.0%) / 12 + 2,000,000 / 36
ซึ่งจริงๆ แล้วธนาคารแต่ละแห่งอาจมีนโยบายและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน คุณอาจต้องดูสัญญากู้ยืมและเงื่อนไขของธนาคารเพิ่มเติมเพื่อทราบว่าอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยนมีกฎอะไรบ้างและวิธีการคำนวณเพิ่มเติมที่อาจมีอยู่
สรุป
การเลือกประเภทของดอกเบี้ยกู้บ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีผลต่อเงินค่างวดผ่อนชำระและการวางแผนการเงินของเราในระยะยาว ความเหมาะสมของดอกเบี้ยบ้านขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงินและความเสี่ยงที่เราพร้อมจะรับผิดชอบด้วย การเลือกประเภทของดอกเบี้ยกู้บ้านควรเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลโดยพิจารณาถึงสถานการณ์การเงินปัจจุบันและการวางแผนในอนาคตของคุณอย่างถี่ถ้วน อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นไว้อย่างครบถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในกระบวนการสมัครเงินกู้ อีกทั้งยังควรสอบถามและศึกษาเงื่อนไขที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ นั่นเป็นสิ่งสำคัญเพราะข้อมูลและเงื่อนไขเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกๆ ช่วงเวลาและสถานการณ์