เตรียมตัวผ่อนบ้านกับโครงการ รวมแนวทางที่ต้องรู้ก่อนซื้อบ้าน
บ้านโครงการถือเป็นหมู่บ้านที่คนยุคใหม่ต้องการเข้าอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความสวยงาม ความหรูหรา ความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก และปัจจัยอื่น ๆ ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดเป็นบ้านที่มีราคาค่อนข้างสูง ในการซื้อบ้านโครงการสัก 1 หลัง ก็ต้องมีการคำนวณซื้อบ้านผ่อนกับโครงการให้ดี เนื่องด้วยเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูง และสามารถผ่อนบ้านได้ช้า จึงเป็นเหตุผลที่เพื่อน ๆ ควรเตรียมตัวให้ดีกับบ้านผ่อนกับโครงการ ซึ่งมีอะไรที่ควรรู้ หรือมีอะไรที่ต้องเตรียมก่อนซื้อบ้านโครงการ เราลองมาดูไปพร้อมกันครับ
ก่อนจะผ่อนบ้านกับโครงการควรเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง?
การผ่อนบ้านกับโครงการไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการซื้อบ้านผ่อนกับโครงการในตอนนี้ต้องมี 4 ล้านเป็นอย่างต่ำ ส่งผลให้ต้องมีการวางแผนอย่างครอบคลุม โดยที่ไม่ให้การผ่อนบ้านหนักเกินไปต่อการใช้ชีวิต ซึ่งผมมีเช็กลิสต์มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองมองตัวเองกันว่าในตอนนี้ยังมีอะไรที่ควรเตรียมพร้อม หรือมีอะไรที่ยังขาดอีกบ้างครับ
ประเมินความพร้อมทางการเงิน
สิ่งสำคัญหลักที่ต้องประเมินคือเรื่องความพร้อมทางการเงินครับ เนื่องจากเป็นปัจจัยแรกที่ทำให้เราประเมินตัวเองได้ดีที่สุด ทั้งจำนวนเงินเก็บที่มีว่าเรามีเพียงพอหรือไม่ โดยเงินเดือน 15000 ซื้อบ้านอาจไม่เพียงพอต่อการซื้อบ้านในปัจจุบัน รวมถึงหากมีการกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อเช่าซื้อบ้านกับโครงการ เรามีเงินมากพอในการผ่อนชำระหรือไม่ ถือเป็นวิธีการแรกที่ควรตรวจสอบตัวเองให้ดีก่อนที่จะไปเช็กลิสต์ต่อไปครับ
เลือกทำเลและโครงการบ้านที่ต้องการ
หากเรามีความพร้อมทางการเงิน สิ่งที่ควรคำนวณต่อมาจะเป็นเรื่องทำเลและโครงการบ้านที่สนใจ ซึ่งอาจอิงจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคน เช่น บางคนชอบเดินห้าง อาจเลือกซื้อบ้านมือหนึ่งผ่อนตรงกับโครงการที่ใกล้เคียงกับห้างสรรพสินค้า หรือบางคนชอบเดินตลาดสด อาจเลือกโครงการบ้านที่เป็นแหล่งชุมชน ซึ่งมักจะเป็นพื้นที่ที่มีตลาดสดอยู่แล้ว เป็นต้น
พิจารณาค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากเรื่องค่าผ่อนบ้านที่ควรคำนึงถึง อีกสิ่งที่ควรมองไม่แพ้กันคือค่าใช้จ่ายรายวัน และเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอนาคตเราจะพบเจอหรือเกิดเหตุอะไรบ้าง ฉะนั้นการคำนวณค่าผ่อนบ้านตรงกับโครงการก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรมีเงินสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น
เตรียมเอกสารก่อนการยื่นกู้ธนาคาร
สุดท้ายคือเรื่องของการเตรียมเอกสารสำหรับยื่นกู้เงิน ไม่ว่าจะเป็นบ้านผ่อนตรงกับโครงการ หรือ ซื้อบ้านผ่อนกับเจ้าของโดยตรง ก็ต้องเตรียมเอกสารการกู้เงินให้พร้อม เพื่อให้ทางธนาคารหรือสถาบันทางการเงินได้ตรวจสอบ และให้การอนุมัติวงเงินกู้ได้ตามเงื่อนไข โดยจะมีเอกสารดังต่อไปนี้
1. บัตรประชาชน / บัตรข้าราชการ หรือ บัตรรัฐวิสาหกิจ ของผู้กู้
2. เอกสารแสดงรายได้ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
- พนักงานประจำ : หนังสือรองรับเงินเดือน, สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และเอกสารอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร หรือสถาบันทางการเงิน
- พนักงานฟรีแลนซ์ หรือ เจ้าของกิจการ : เอกสารแสดงรายได้ที่มีการเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ, สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน, หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ และเอกสารอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร หรือสถาบันทางการเงิน
3. เอกสารหลักประกัน : สัญญาวางมัดจำ และ สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
5 เคล็ดลับในการกู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุย!
ปัญหาเรื่องการกู้ซื้อบ้านถือเป็นอีกปัจจัยที่หลายคนกังวล เพราะการพิจารณากู้เงินซื้อบ้านผ่อนตรงกับโครงการอาจถูกตีกลับและไม่ได้รับอนุมัติวงเงิน ซึ่งไม่ว่าบ้านที่เลือกซื้อมียอดผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ จะมียอดผ่อนเดือนละกี่หมื่นก็ต้องมาดูเคล็ดลับที่ผมได้รวบรวมไว้ให้ รับรองว่าอนุมัติวงเงินผ่านฉลุยอย่างแน่นอน!
1. คำนวณราคาผ่อนบ้านกับโครงการ
อย่างแรกต้องกำหนดยอดค่าใช้จ่ายในส่วนของการผ่อนบ้านกับโครงการโดยตรงก่อนว่า เราต้องมียอดผ่อนชำระที่เท่าไหร่ โดยอ้างอิงจากยอดเงินกู้ที่ต้องการ ซึ่งหลายคนมักมีคำถามเรื่องผ่อนบ้านได้ถึงอายุเท่าไหร่ คำตอบคือสามารถผ่อนบ้านได้ไม่เกิน 65 ปีครับ ฉะนั้นหากใครที่อยากซื้อบ้านแต่อายุเริ่มสูงขึ้น ต้องรีบซื้อบ้านแล้วนะครับ โดยสามารถใช้สูตรคำนวณได้ตามนี้เลยครับ
(60 เท่าของรายได้) X (รายได้ต่อเดือน) = (ราคาบ้านที่กู้ซื้อได้)
ยกตัวอย่างเช่น นายฟินน์มีรายได้ 40,000 บาท / เดือน นำไปคูณกับ 60 จะได้ยอดเป็น 2.4 ล้านบาท เป็นยอดวงเงินขั้นต่ำที่นายฟินน์สามารถกู้บ้านผ่อนตรงกับโครงการได้นั่นเอง แต่ถ้าหากผู้ที่ต้องการกู้มีรายการหนี้อื่น เช่น หนี้รถยนต์ หนี้โทรศัพท์ อาจจะต้องใช้สูตรคำนวณความสามารถการบ้านร่วมด้วยนั่นคือ
(30% หรือ 40%) X (รายได้ต่อเดือน) = (ความสามารถผ่อนบ้าน)
ยกตัวอย่างเช่น รายได้ 40,000 บาท / เดือน นำไปคูณกับ 30% หรือ 40% = 12,000 - 16,000 บาท นั่นเองครับ เพราะทางธนาคารจะคำนวณความสามารถผ่อนบ้านจากผู้กู้ไม่เกิน 30% - 40% ขึ้นอยู่กับรายการหนี้ตกค้างของเรา ซึ่งหากเรามีจำนวนหนี้ค้างอยู่ที่ 10,000 บาท ความสามารถการผ่อนบ้านจะเหลือเพียง 2,000 - 6,000 บาท เราลองมาคำนวณยอดการอนุมัติวงเงินกู้อีกสักครั้งนั่นคือ
(ความสามารถผ่อนบ้านกับโครงการ) X (1,000,000 ÷ 7,000) = (วงเงินที่สามารถกู้ได้)
เช่น 6,000 x (1,000,000 ÷ 7,000) = 857,142 บาท เป็นวงเงินที่สามารถกู้ได้ครับ
2. เก็บออมค่าเงินดาวน์บ้าน
เราสามารถผ่อนดาวน์บ้านกับโครงการได้ด้วยนะรู้ยัง! เพราะตามปกติแล้วทางธนาคารมักไม่ให้กู้วงเงินเต็มตามจำนวนราคาบ้าน มักจะให้กู้เป็นจำนวน 90% ของราคาบ้าน เช่น บ้านราคา 2 ล้าน เราสามารถกู้ได้รวมทั้งสิ้น 1.8 ล้านบาท อีก 200,000 บาท เราจะต้องดำเนินการจ่ายให้กับโครงการเอง (ในกรณีที่บ้านยังสร้างอยู่ หากซื้อบ้านที่สร้างเสร็จแล้วธนาคารถึงให้กู้เต็มวงเงินได้) ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละโครงการจะมีโปรแกรมผ่อนดาวน์เป็นรายเดือน โดยทั่วไปจะเก็บเงินดาวน์ที่ 10 - 20% ของราคาเต็ม จึงเป็นเหตุผลว่าเราควรเก็บเงินออมค่าดาวน์บ้านไว้เพื่อใช้จ่ายในกรณีดังกล่าวนั่นเองครับ
3. สร้างเครดิตที่ดีทางการเงิน
จากที่ได้มีการพูดถึงเอกสารการกู้บ้านเมื่อสักครู่ว่าทางธนาคารจะมีการตรวจสอบการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งรวมถึงรายการที่เดินบัญชีที่เกี่ยวกับประวัติการผ่อนชำระทางการเงินด้วย หมายความว่าหากเรามีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ก็อาจส่งผลให้การอนุมัติวงเงินที่ง่ายขึ้น ในทางกลับกันหากมีเครดิตการผ่อนชำระที่ไม่ดี ก็อาจส่งผลต่อการอนุมัติวงเงินการกู้ซื้อบ้านผ่อนตรงโครงการได้ครับ
4. มีวินัยในการชำระหนี้
นอกเหนือจากเครดิตทางการเงินแล้ว ยังมีการตรวจสอบเครดิตบูโรเพิ่มเติมอีกด้วยครับ ซึ่งหากภายในระยะเวลา 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา เรามีปัญหาเรื่องชำระหนี้ไม่ตรงเวลา หรือถึงขั้นติดแบล็กลิสต์ที่เป็นเครื่องหมายของผู้ที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ไม่ดี ถือว่ามีความเสี่ยงในการถูกปัดตกการอนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านโครงการได้เช่นกันครับ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องสร้างเครดิตทางการเงินให้กับตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น
5. ยกเลิกบัตรเครดิตที่เกินความจำเป็น
บัตรเครดิตถือเป็นเครื่องมือการจ่ายเงินที่มีความเสี่ยง ยิ่งกับคนที่มีบัตรเครดิตหลายใบ เพราะอาจใช้วงเงินเกินลิมิตที่เรามีได้ ทำให้ในบางครั้งการมีบัตรเครดิตหลายใบก็ไม่เป็นผลดีเสมอไป เพื่อการป้องกันหนี้บัตรเครดิตตั้งแต่ต้น บัตรใบไหนที่ไม่ใช้ หรือบัตรใบไหนที่ไม่จำเป็น ยกเลิกบัตรไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้น เหลือไว้กับเฉพาะบัตรเครดิตที่เราใช้งานบ่อยครั้งดีกว่าครับ
รีไฟแนนซ์บ้าน ทางเลือกในการผ่อนบ้านกับโครงการอัตราดอกเบื้อต่ำ
นอกจากการคำนวณอัตราการผ่อนบ้านกับโครงการแล้ว เรื่องที่ควรทราบอีกอย่างคือการรีไฟแนนซ์บ้าน จากที่ได้มีการเกริ่นไปข้างต้นครับว่าดอกเบี้ยบ้านมีอัตราสูงขึ้นทุกปี ยิ่งกับโครงการบ้านผ่อนตรงกับโครงการที่มียอดกู้เงินสูงจากราคาบ้านที่แพง ก็ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงตาม ซึ่งในการกู้ซื้อบ้านนั้นจะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่เพียง 3 ปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยตลาดที่เรียกได้ว่าเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลต่อการผ่อนบ้านได้ช้าลง
การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเข้ามามีบทบาทในส่วนนี้ครับ เพราะเป็นการกู้หนี้ใหม่ไปปิดหนี้เก่า และเป็นการรีอัตราดอกเบี้ยให้ยังคงใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยเดิม ส่งผลให้บ้านผ่อนได้หมดเร็วขึ้นนั่นเอง คำถามต่อมาคือแล้วเราควรมองหาธนาคารแบบไหน ซึ่งถ้าหากใครยังไม่รู้สามารถเข้ามาเลือกโปรโมชั่นจากธนาคารที่สนใจได้ฟรีผ่านช่องทางเว็บไซต์ Refinn ได้เลยครับ
ผ่อนบ้านกับโครงการเดือนละเท่าไหร่ถึงเหมาะสม
การผ่อนบ้านที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการผ่อนบ้านกับโครงการ หรือผ่อนบ้านกับเจ้าของโดยตรง การผ่อนบ้านในจำนวนที่เหมาะสมก็ถือเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึง ซึ่งไม่ว่าเราจะขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน หรือ สินเชื่ออื่น ๆ ก็ต้องคำนวณรายการผ่อนชำระที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้การซื้อบ้านเป็นความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เรามีรายได้อยู่ที่ 50,000 บาท เราก็ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายผ่อนบ้านอย่างต่ำไม่ควรเกิน 15,000 - 20,000 บาท เพื่อการนำเงินส่วนอื่นไปใช้ในชีวิตประจำวัน การเก็บออม การลงทุนต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้กลับมาให้เราเพิ่มเติม เป็นต้น
สรุป
การซื้อบ้านโครงการถือเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ในยุคสมัยใหม่ ด้วยด้านความปลอดภัย บรรยากาศที่ดี ความสวยงาม และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันที่ดีที่สุด แต่คุณภาพชีวิตที่ดีต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงตาม ทำให้การศึกษาวิธีคำนวณการผ่อนบ้านกับโครงการ การเตรียมตัวสำหรับกู้ซื้อบ้าน และการเรียนรู้เรื่องรีไฟแนนซ์บ้านถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนวางแผนซื้อบ้านต้องรับรู้ หากใครมีความพร้อมการกู้ซื้อบ้าน หรือต้องการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดดอกเบี้ย สามารถเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราได้เลยครับ รับรองว่าเพื่อน ๆ จะได้โปรโมชั่นจากธนาคารที่ดีที่สุด ในอัตราดอกเบี้ยที่ตอบโจทย์ ภายในเวลาไม่กี่นาที และที่สำคัญสามารถใช้บริการได้ฟรีครับ อย่าให้เรื่องบ้านเป็นเรื่องยาก เข้ามาปรึกษากับเรา Refinn ได้เลยครับ