บัตรเครดิตใบแรก เลือกยังไงให้คุ้มที่สุด
บัตรเครดิตใบแรก

บัตรเครดิตใบแรก เลือกยังไงให้คุ้มที่สุด

บัตรเครดิตเด็กจบใหม่ หรือชาวออฟฟิศที่ทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้วมีความคิดอยากทำบัตรเครดิตต่างก็มักมีคำถามวนเวียนเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ว่าจะเลือกบัตรเครดิตยังไงดี แต่เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่าสำหรับการทำบัตรเครดิตใบแรกนั้นมีขั้นตอนต่างๆ มากมายที่ต้องเอาใจใส่และเตรียมตัวให้ดี ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้เพื่อนๆ ใช้บัตรเครดิตอย่างมีกำไรเลยล่ะครับ ดังนั้น วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ มารู้จักและทำความเข้าใจถึงความสำคัญของ บัตรเครดิตใบแรก กันครับ 

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับบัตรเครดิตใบแรก

ไม่ว่าจะวงการไหน หากเรา “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ยังคงใช้มาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งรวมถึงแวดวงบัตรเครดิตด้วยครับ เพราะสำหรับบัตรเครดิตใบแรกนั้น หากเราให้ความสำคัญและใส่ใจเป็นพิเศษ ศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียด เลือกบัตรเครดิตให้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของเรา มองหาธนาคารที่ตอบโจทย์ คำนวณอัตราการจ่ายดอกเบี้ยที่เราพอรับไหว หรือเลือกโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่ตัวบัตรนำเสนอให้ ผมรับรองเลยครับว่าบัตรเครดิตใบแรกของเพื่อน ๆ จะมอบสิทธิและประโยชน์มากมายให้กับการใช้จ่ายและสุขภาพด้านการเงินของเพื่อนๆ  ในอนาคตแน่นอนครับ อย่าลืมนะครับ “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”  

ทำไมต้องให้ความสำคัญกับบัตรเครดิตใบแรก

ก่อนเลือกบัตรเครดิตใบแรก ต้องเตรียมตัวยังไง

ก่อนที่เราจะไปธนาคารเพื่อสมัครบัตรเครดิตใบโปรดของเรา ผมอยากชวนเพื่อน ๆ มาเตรียมความพร้อมกันก่อนครับ ว่าพวกเรานั้นมีคุณสมบัติหรือความสามารถในการสมัครบัตรเครดิตหรือเปล่า และถ้ามีเราต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง เพราะความพร้อมจะเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในการมองหาบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับเรา ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลยครับ

คุณสมบัติที่ผู้จะสมัครบัตรเครดิตใบแรกต้องมี

ก่อนอื่นเราต้องเช็คคุณสมบัติของเราก่อนครับว่าตรงตามพื้นฐานที่ต้องมีไหม โดยคุณสมบัติพื้นฐานของผู้ที่สามารถสมัครบัตรเครดิตใบแรกนั้น จะมีขั้นต้นประมาณนี้ครับ

  1. อายุระหว่าง 20 - 70 ปี
  2. มีฐานเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป และรับเงินเดือนผ่านการโอนเข้าบัญชี
  3. มีอายุงาน ณ ที่ทำงานปัจจุบัน 6 เดือนขึ้นไป (โดยส่วนมาก)

เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครบัตรเครดิตใบแรก

ต่อมาที่ต้องเตรียมจะเป็นในส่วนของเอกสารที่ใช้ในการสมัคร จะเน้นที่เอกสารทางด้านการเงินเป็นหลัก ดังนี้ครับ

  1. สำเนาบัตรประชาชน
  2. สำเนา หรือ ต้นฉบับ สลิปเงินเดือน 1 เดือน (ย้อนหลังได้ไม่เกิน1เดือน)
  3. ในกรณีไม่มีสลิปเงินเดือน สามารถใช้หนังสือรับรองเงินเดือนก่อนได้ โดยต้องอายุไม่เกิน 2 เดือนนับจากวันที่ออกหนังสือรับรอง
  4. สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 1 เดือน (ที่เห็นยอดเงินเดือนเข้าบัญชี)
  5. กรณีที่มีรายได้อื่น ๆ จะต้องแนบ
  6. ต้นฉบับ / สำเนา สลิปเงินเดือนย้อนหลัง และ / หรือ ต้นฉบับ / สำเนา หนังสือรับรองรายได้ ที่แสดงรายได้อื่น ๆ โดยจะต้องชี้แจง รายละเอียดรายได้อื่น ๆ ในแต่ละเดือน ย้อนหลัง 6 เดือนต่อเนื่อง
  7. สำเนา Statement ย้อนหลัง 6 เดือน

ขอวงเงินบัตรเครดิตใบแรกได้เท่าไหร่?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าวงเงินบัตรเครดิต คืออะไร? วงเงินบัตรเครดิต คือ จำนวนเงินสูงสุดที่เราสามารถนำมาใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยวงเงินสำหรับบัตรเครดิตใบแรก (และส่วนใหญ่) จะกำหนดจากรายได้ตามสลิปเงินเดือนของเราครับ โดยธนาคารจะนำจำนวนรายได้ไปคูณกับอัตราวงเงินที่กำหนด และออกมาเป็นวงเงินสูงสุดที่เราสามารถขออนุมัติได้ครับ โดยอัตราดังกล่าวจะถูกกำหนดตามช่วงเงินเดือนด้านล่างนี้เลยครับ

  • เงินเดือน 15,000 - 30,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของเงินเดือน เท่ากับสามารถขอวงเงินได้ในช่วง 22,500 - 45,000 บาท 
  • เงินเดือน 30,000 – 50,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่าของเงินเดือนเท่ากับสามารถขอวงเงินได้ในช่วง 90,000 - 150,000 บาท 
  • เงินเดือน  50,000 บาทขึ้นไป ได้วงเงินไม่เกิน 5 เท่าของเงินเดือนเท่ากับสามารถขอวงเงินได้ในช่วง 250,000 บาท 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วยเช่นกันครับ

เทคนิคการเลือกบัตรเครดิตใบเเรก ให้เหมาะกับเรา

เทคนิคการเลือกบัตรเครดิตใบเเรก ให้เหมาะกับเรา

นอกจากคุณสมบัติที่ต้องมีเเล้ว บัตรเครดิตใบแรกก็มีเทคนิคในการเลือกเหมือนกันครับ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยในการเลือกและคัดกรองให้เพื่อนๆ ได้พบกับบัตรเครดิตใบแรกที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดครับ

1. เลือกตามไลฟ์สไตล์

ไลฟ์สไตล์เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยครับ เพราะไลฟ์สไตล์บ่งบอกถึงรูปแบบการใช้เงินของพวกเราแต่ละคน และรูปแบบการใช้เงินนี้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกได้เช่นกันครับว่า บัตรเครดิตแบบไหนเหมาสำหรับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด  อาทิ 

ไลฟ์สไตล์ที่ชอบท่องเที่ยว อาจเหมาะกับบัตรเครดิตที่สะสมไมล์การเดินทางโดยเครื่องบินได้ หรือบัตรที่สามารถใช้จ่ายได้ในต่างประเทศ ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้การเดินทางและใช้เงินของเพื่อน ๆ ราบรื่นขึ้นครับ

สำหรับไลฟ์สไตล์สายกิน คงไม่พ้นจากบัตรที่มีพันธมิตรร่วมรายการเป็นร้านอาหารครับ เพราะนอกจากจะได้ส่วนลดหรือสะสมแต้มแล้ว บางร้านก็มีเมนูที่เสริฟเป็นของสัมนาคุณให้กับเฉพาะผู้ถือบัตรด้วยครับ

ขณะเดียวกันสายช้อปปิ้ง จะเพลิดเพลินไปกับบัตรที่เน้นส่วนลด หรือโปรโมชั่นของแถม กับการสะสมแต้มเพื่อแลกเงินคืน ซึ่งบัตรชนิดนี้ นอกจจากจะทำให้เราจ่ายในราคาที่ถูกกว่าแล้ว ยังมีโอกาสได้รับเงินคืนเพื่อใช้ช้อปในครั้งต่อๆ ไปด้วยครับ  

2. เลือกตามประเภทของบัตร

การแบ่งประเภทของบัตรเครดิต อาจจะมีการแบ่งแตกต่างกันออกไปซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ใช้กำหนดครับ แต่ในคราวนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับการแบ่งเป็น บัตร Cash Back และบัตร Point กันครับ

Cash Back—เครดิตเงินคืน 

บัตรเครดิตที่เน้น Cash Back คือ บัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นคืนเงินให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ซึ่งทางธนาคารจะคืนเงินให้กับผู้ถือบัตรหลังจากมีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยจำนวนเงินคืนที่ได้นั้นอาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดจ่ายชำระ หรือยอดเงินคงตามที่กำหนดในแต่ละโปรโมชั่น และระยะเวลาในการคืนเงินนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชั่นด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นรอบบัญชีเดือนถัดไป เป็นต้นครับ

ตัวอย่างโปรโมชั่น Cash Back: แลกรับเงินคืน 15% เมื่อมียอดใช้จ่ายทุก 2,000 บาทในร้านค้าที่ร่วมรายการ 

Point—สะสมแต้ม 

บัตรเครดิตสะสมแต้ม คือ บัตรเครดิตที่มีการสะสมแต้มในทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตครับ โดยแต้มคะแนนเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ถือบัตรใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และจะได้คืนกลับมาเป็นแต้มสะสมอัตโนมัติ ซึ่งเงื่อนไขในการสะสมแต้มก็ขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตนั้น ๆ ครับ โดยส่วนมากเริ่มต้นอยู่ที่ 25 บาทต่อ 1 คะแนน

และสิทธิประโยชน์จากแต้มเหล่านี้ ก็มีมากมายเลยล่ะครับ อาทิ

-ใช้เป็นส่วนลดในการชำระสินค้าหรือบริการต่างๆ 

-สามารถรับสินค้าสมนาคุณหากมีแต้มบัตรถึงตามที่เงื่อนไขกำหนด

-นำไปแลกเป็นตั๋วภาพยนตร์ เครื่องบิน หรือที่พักระหว่างการเดินทาง

-นำไปแลกเป็นเงินคืนได้เช่นกันครับ

*แต่ทั้งนี้ ต้องสังเกตด้วยนะครับว่า มีร้านค้าใดบ้างที่ร่วมโปรโมชั่นกับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่

3. เลือกตามเครือข่ายของบัตร

หากเพื่อน ๆ สังเกตที่บัตรเครดิตบ่อย ๆ จะเห็นตราภาษาอังกฤษอย่าง Visa, MasterCard, JCB, UnionPay เป็นต้น ใช่ไหมครับ ซึ่งเจ้าตราพวกนี้คือ เครือข่ายการชำระเงินบัตรเครดิต (Payment Gateway) เป็นตัวกลางในการชำระเงินระหว่างร้านค้ากับสถาบันการเงิน หากบัตรเครดิตของเรามีตราตัวไหน ก็แสดงว่าบัตรของเราสามารถชำระเงินในร้านค้าที่มีเครือข่ายตัวกลางเดียวกับเราได้นั่นเองครับ 

ขณะเดียวกัน บัตรที่มีตัวกลางอย่าง Visa, MasterCard จะมีเครือข่ายชำระเงินครอบคลุมทั่วโลกและเป็นที่ยอมรับจากสากล ว่าง่าย ๆ เลยคือ “ไปจ่ายที่ไหน ใครเขาก็รับล่ะครับ” แต่ทั้งนี้ การใช้จ่ายโดยตัวกลางแต่ละแบบก็มีสิทธิประโยชน์แตกต่างกันออกไป ดังนี้ครับ 



บัตรเครดิต Visa เป็นบัตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายและครอบคลุมทั่วโลก มีร้านค้าและบริการต่าง ๆ ที่รองรับบัตรชนิดนี้ และยังสามารถกดเงินจากตู้ ATM  ได้ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเลยล่ะครับ (ใครเป็นสายเดินทางอาจจะเหมากับบัตร Visa นะครับ)

บัตรเครดิต MasterCard 

อีกหนึ่งเครือข่ายที่มาจากสหรัฐอเมริกา และได้รับความนิยมที่สูงไม่แพ้ Visa เลยครับ แต่จุดที่ต่างกันคือ MasterCard จะมีเครือข่ายรองรับการใช้งานที่มากกว่าเท่านั้นเอง (ได้ใจสายท่องเที่ยวไปเต็มๆ)

บัตรเครดิต JCB 

คือ ผู้ให้บริการเครือข่ายจากประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งบัตรที่เริ่มได้รับความสนใจ เพราะในปัจจุบันร้านค้าส่วนใหญ่เริ่มรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต JCB แล้วครับ นอกจากนี้ JCB ก็มีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เช่น การจองตั๋ว/ที่พัก การซื้อสินค้า บริการต่าง ๆ ในสนามบินที่แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ เรียกได้ว่าบัตรนี้มีขึ้นมาเพื่อผู้ที่ถวิลหาความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง! 

บัตรเครดิต UnionPay

ผู้ให้บริการเครือช่ายจากประเทศจีน ซึ่งมีร้านค้าในประเทศไทยที่รับการชำระผ่านบัตรชนิดนี้อย่างหลากหลาย และมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับผู้ที่เดินทางไปประเทศจีน มาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์โดยใช้สกุลเงินของประเทศข้างต้นด้วยครับ

4. เลือกที่มีโปรโมชันตลอดทั้งปี

เมื่อจะสมัครบัตรเครดิตแล้ว สิ่งที่ต้องมองหาต่อมาคือเรื่องของ โปรโมชั่นครับ เพราะโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่แต่ละสถาบันการเงินนำมาเสนอให้กับลูกค้า เช่น ส่วนลดร้านค้า ร้านอาหาร โค้ดลดราคาช้อปปิ้งออนไลน์ รวมถึงการสะสมแต้มเพื่อแลกรับของรางวัล เป็นต้น ต่างก็มีช่วงเวลาและเงื่อนไขสำหรับโปรโมชั่นที่แตกต่างกันครับ ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราจึงควรเลือกบัตรที่มีโปรโมชั่นในหลาย ๆ หมวดการใช้จ่ายและมีสิทธิพิเศษให้ตลอดทั้งปี เมื่อจ่ายด้วยบัตรจะได้คุ้มกว่าใช้เงินสดนั่นเองครับ

5. อย่าลืมเช็คค่าธรรมเนียม

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญเลยคือ ค่าธรรมเนียมครับ เพราะถ้าเราไม่ศึกษาและเลือกให้ดี ค่าธรรมเนียมที่สอดคล้องกับความสามารถในการจ่ายหนี้ อาจจะกลายเป็นภัยเงียบด้านการเงินของเราได้ครับ เพราะในบางครั้งการได้วงเงินที่สูงต้องแลกด้วยค่าธรรมเนียมรายปีและดอกเบี้ยที่มากขึ้น ทั้งนี้เราเข้าใจความต้องการของตัวเองในการใช้บัตรเครดิตว่ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้าต้องการใช้ไม่กี่ครั้งอาจเลือกใช้บริการสถาบันการเงินที่มีการละเว้นค่าธรรมเนียมรายปีหรือดอกเบี้ยที่ถูกลงก็ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้ระดับหนึ่งเลยล่ะครับ

6. อย่าลืมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย

ดอกเบี้ย เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญมากเลยครับสำหรับเรื่องสินเชื่อ เพราะก่อนตัดสินใจทำบัตรเครดิต เราควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของแต่ละใบ แล้วเลือกบัตรที่คิดดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายหากเราจะตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตใบดังกล่าว ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถศึกษาข้อมูลการคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิตได้จากลิ้งนี้เลยครับ บัตรเครดิตคืออะไร

แนะนำ 4 บัตรเครดิตใบแรกที่น่าสนใจ

สำหรับใครที่สนใจอยากทำบัตรเครดิตใบแรกผมได้มีการลิสต์ 4 บัตรเครดิตใบแรกจาก 4 ธนาคารที่หน้าสนใจมาให้ทุกคนได้เลือกสมัครกันครับ ซึ่งทั้งหมดสามารถสมัครได้ที่ Refinn

1.BBL MASTERCARD TRAVEL

บัตรเครดิตอีกใบนึงที่เหมาะกับคนชอบเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะถ้าใช้บัตรใบนี้จะสามารถทำให้เเราเนี่ยสามารถซื้อแพ้คเกจท่องเที่ยวในราคาพิเศษได้ตลอดทั้งปีเลย พร้อมส่วนลดโรงและอื่นๆด้านการท่องเที่ยวที่เป็นพันธมิตรกับบัตรเครดิต และยังสามารถใช้สะสมไมล์ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส หรือแอร์เอเชีย ได้อีกด้วย ที่สำคัญสำหรับคนที่ถือบัตรใบนี้จะมีผู้ช่วยส่วนบุคคลคอยประสานและให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

2.UOB PREFERRED

สำหรับบัตรเครดิตใบนี้จะเหมาะกับคนชอบช้อปปิ้ง ชอบซื้อของในห้างครับ เพราะบัตรใบนี้จะทำให้เราได้รับคะแนน The1 2 คะแนนทุกๆการใช้จ่าย 25 บาทในห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ พร้องทั้งยังได้อีก 2 ต่อนั่นก็คือ Point 1 คะแนนในทุกๆการจ่าย 15 บาท และ ยังได้ Cashback 15% เมื่อใช้จ่ายผ่านร้านอาหาร ช้อปปิ้งออนไลน์ และร้านค้าต่างๆที่ร่วมรายการอีกด้วย ที่สำคัญยังฟรีค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วยครับ

3..KTC AGODA PLATINUM MASTERCARD

ไหน!! ใครสายเที่ยวบ้างครับ บัตรเครดิตใบนี้จะทำให้เราสามารถอัปเกรดจากสมาชิก Agoda แบบธรรมดาเป็นสมากชิก Agoda Vip Platinum รับส่วนลดเพิ่มสูงถึง 25% แถมยังขยายอายุ Agoda Cash ยาวถึง 1 ปีเลยครับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวที่มักจองที่พักหรือตั๋วเครื่องบินผ่าน Agoda เอามากๆเลย ที่สำคัญยังฟรีค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วย

4.CITI GRAB

มาถึงบัตรเครดิตสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวหรือชอบใช้ Grab ในการเดินทางกันบ้างครับ บัตรเครดิตใบต่อไปที่ผมจะแนะนำก็คือ บัตรเครดิต Citi Grab ซึ่งต้องบอกเลยนะครับว่าบัตรเครดิตใบนี้ไม่ได้เหมาะกับแค่คนใช้บริขนส่งกับทาง Grab นะครับ แต่เหมาะกับทั้งคนที่ซื้อของ สั่งอาหาร และทำธุรกรรมต่างๆผ่านทาง Grab เลยครับ เพราะจะได้รับส่วนลดสูงถึง 15% เลยเมื่อใช้จ่ายผ่าน Grab

สำหรับใครที่มีรายได้สูงและยังอยากดูบัตรเครดิตเพิ่มเติม หรือ อยากได้คำนะนำเพิ่มเติมแบบระเอียดมากขึ้น สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท ทำบัตรเครดิตธนาคารไหนดีนะ

อยากมีบัตรเครดิตใบแรก ต้องทำตามขั้นตอนอะไรบ้างนะ

ในปัจจุบันการสมัครบัตรเครดิตก็มีขั้นตอนที่พัฒนาตามเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด เราจะเห็นว่าธนาคารส่วนใหญ่เริ่มแนะนำให้ผู้คนสมัครบัตรเครดิตผ่านทาง Mobile Banking แล้ว ซึ่งถือได้ว่ามีความสะดวกมากขึ้นครับ แต่สำหรับบัตรเครดิตใบแรกของใครหลาย ๆ คน การไปสมัครที่ธนาคารโดยตรงอาจจะเพิ่มความเชื่อใจ มั่นใจ และเข้าใจให้กับว่าที่ผู้ถือบัตรได้ระดับหนึ่งเลยใช่ไหมล่ะครับ แต่มันจะดีกว่านี้ไหมนะ หากเรามีเพื่อนคู่ใจที่คอยเเนะนำข้อมูลเกี่ยวกับบัตรต่าง ๆ เหมือนกับว่าเขานั่งข้าง ๆ เราในวันที่สมัคร ไม่ใช่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเคาท์เตอร์

สมัครด้วยตนเองกับทางธนาคาร

หากเราสมัครกับทางธนาคารเองก็เป็นอีกหนึ่งความสะดวกครับ เพราะเราจะได้สมัครกับผู้ให้บริการโดยตรง ขณะเดียวกันเขาก็มีบริการที่หลากหลายทั้ง

  1. สมัครผ่าน Mobile Banking
  2. สมัครที่เว็บไซต์ของธนาคาร
  3. สมัครที่ธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ

แม้จะช่องทางในการสมัครที่มากมาย แต่ในขณะเดียวกันผู้สมัครก็ต้องเเผชิญกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่เช่นกันครับ ทั้งค่าเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องจัดเตรียมให้ดี, ค่าเดินทางในกรณีสมัครที่ธนาคารโดยตรง หรือระยะเวลาในการรออนุมัติที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้เงินได้ทันท่วงที อีกทั้งการเปรียบเทียบบัตรต่าง ๆ ที่ผู้สมัครต้องเป็นผู้ที่รวบรวมข้อมูลด้วยตัวเอง พอมาคิดดูแล้วนี่ก็เป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่ต้องนำมาคิดด้วยเช่นกันครับ

สมัครออนไลน์ผ่าน Refinn

สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ผ่าน Refinn

นอกจากจะไม่ต้องหาเวลาออกไปข้างนอก เพื่อน ๆ ยังหายห่วงกับขั้นตอนต่าง ๆ ที่ทาง Refinn จะเป็นผู้ดำเนินการให้โดย

  1. กรอกข้อมูลสมัครออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Refinn
  2. เจ้าหน้าที่รับทราบเรื่องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน
  3. รอธนาคารอนุมัติบัตรเครดิตใบแรกได้เลยครับ 

ขณะเดียวกัน เพื่อน ๆ สามารถเปรียบเทียบข้อมูลบัตรเครดิตจากพันธมิตรธนาคารชั้นนำในไทย ได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้เพื่อน ๆ พบกับบัตรเครดิตใบแรกที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายแฝงเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกันครับ และที่ขาดไปไม่ได้เลย Refinn ยังมีบริการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ที่ช่วยให้ผู้ผ่อนบัตรสามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยคตรับ หากใครกำลังมองหาตัวเลือกที่ รวดเร็ว ไว้ใจได้ และหมดห่วง Refinn คือตัวเลือกที่เพื่อน ๆ คู่ควรครับ

สรุปการทำบัตรเครดิตใบแรก

สำหรับการทำบัตรเครดิตใบแรก เรียกได้ว่านอกเหนือจากขั้นตอนการสมัครแล้ว ยังมีเทคนิคและข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเราควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ในช่วงเริ่มต้นครับ เพราะนอกจากจะทำให้เราได้เจอกับบัตรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราแล้ว ยังมีช่วยเพิ่มโอกาสให้เราประหยัดค่าเงิน และเป็นประโยชน์ต่อแผนการเงินของเราทุกคนด้วยครับ ดังนั้นแล้ว เพื่อน ๆ คนไหนกำลังจะเริ่มทำบัตรเครดิตใบแรกของตัวเองอยู่ล่ะก็ อย่าลืมนะครับ ที่เราแบ่งปันกันไว้ “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”

หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ เพจ Facebook : Refinn หรือ Line id : @Refinn

เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม