FinTech คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรบ้าง อ่านเลย
ธุรกรรมการเงินดิจิทัล fintech

FinTech คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรบ้าง อ่านเลย

ทุกคนคงอาจจะเคยได้ยินคำว่า FinTech กันมาบ้างแล้ว หรือ บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินเลย งั้นเรามาทำความเข้าใจ FinTech กันเถอะว่า FinTech คืออะไร มีกี่ประเภท และ มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร มาอ่านไปพร้อมๆกันเลย

FinTech คืออะไร

Fintech ย่อมาจาก Financial Technology คือ เทคโนโลยีทางการเงิน โดยนำเอาเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงิน ซึ่งถือเป็นการ Disrupt ระบบการเงินแบบดั้งเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความสะดวก รวดเร็ว รวมถึงลดต้นทุนที่เกิดขึ้น และตอบความสนองให้กับทั้งผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการ ซึ่งในปัจจุบันได้มี Fintech startup เกิดขึ้นมากมายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน และด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาเป็นตัวผลักดันให้ Fintech ยิ่งเติบโตไวยิ่งขึ้น 

ประเภทของ FinTech มีอะไรบ้าง

Fintech

ในปัจจุบัน Fintech ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น นอกจากจะมีบทบาทในส่วนของสถาบันการเงินแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในหลาย ๆ ธุรกิจ โดย Fintech หรือ เทคโนโลยีทางการเงิน แบ่งตามจุดประสงค์การใช้งานออกได้เป็น 7 ประเภท คือ

Crowdfunding Platforms

แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นตัวกลางในการระดมทุน ระหว่างผู้ประกอบการ และนักลงทุน ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถระดมเงินจากผู้คนจำนวนมากตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่นคนมารวมกัน เพื่อช่วยให้เราสามารถกู้ยืมได้ จากแต่เดิมผู้ประกอบการต้องขอกู้สินเชื่อจากธนาคาร ผู้ประกอบการสามารถระดมทุนจากนักลงทุนหลาย ๆ คนได้ ส่วนนักลงทุนเองก็สามารถเลือกลงทุนในธุรกิจที่สนใจผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่ง Refinn เองก็ถือเป็น Crowdfunding Platform ที่ช่วยให้ผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์ หาดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด และหาโปรแกรมการรีไฟแนนซ์ที่เหมาะสมที่สุด โดยมี Refinn เป็นตัวกลางที่ทำให้ธนาคาร และลูกหนี้มาเจอกันได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างอื่นๆของ Crowdfunding Platforms 

  • Durian Crop เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางในการระดมทุน ที่รวบรวมแหล่งเงินทุนและ Startup ให้มาพบกัน 
  • เทใจ ดอทคอม เป็นแพลตฟอร์มด้านการกุศลที่ระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยผู้ป่วยที่ไร้โอกาส

สำหรับใครที่สนใจ Fintech, Crowdfunding Platforms ก็เป็น Fintech ประเภทนึงเลยที่น่าสนใจ

Banking Technology

ธนาคาร และสถาบันการเงินส่วนใหญ่ได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้บริการต่าง ๆ ยกไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล จากที่เราต้องเดินทางไปทำธุรกรรมที่สาขา แต่ทุกวันนี้เราสามารถทำธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้เลย หรือ Mobile banking ที่เราคุ้นเคยกันดี 

ตัวอย่าง Banking Technology  

SCB Easy เป็นแอปให้บริการทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งทำให้การจำระเงินเป็นเรื่อง Easy เหมือนชื่อแอพเลย ไม่ว่าจะเป็นการ สแกนจ่ายเงิน จ่ายบิลต่างๆ ที่จากเมื่อก่อนถ้าจะซื้ออะไรก็ต้องกดเงินออกมาเพื่อซื้อ แต่ตั้งแต่มีแอพ การจ่ายเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

รวมไปถึงการจ่ายบิล ที่จากเมื่อก่อนการจะจ่ายบิลทีนึงเนี่ย ต้องเสียเวลาไปจ่ายถึงที่ แต่ตอนนี้สามารถจ่ายผ่านแอพได้เเล้ว ทำให้สะดวกขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้ยังสามารถโอนเงินและเช็กยอดเงินคงเหลือในบัญชีได้อีกด้วย

Payment Technology

ระบบจ่ายเงินที่ผู้ใช้ต้องเปิดบัญชีกับทางแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น E-Wallet อย่าง PayPal, Alipay, Apple Pay รวมถึงบัตรเครดิตอย่างบริษัท VISA ซึ่ง Payment Technology ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้จ่ายสะดวกมายิ่งขึ้น โดยระบบ Payment เหล่านี้ต่างจาก Mobile banking ตรงที่ไม่ใช่ธนาคาร และให้บริการเฉพาะการใช้จ่ายเท่านั้น

Cryptocurrency

สกุลเงินดิจิทัลที่หลายคนรู้จักกันดี ที่นำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ โดยสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นระบบการเงินแห่งอนาคตที่จะเข้ามาสร้างความเท่าเทียมทางการเงิน รวมถึงช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ เพราะเมื่อเกิดเงินเฟ้อมากขึ้น ทำให้มูลค่าเงินในสกุลนั้น ๆ เสื่อมถอย หรือลดลง ซึ่งปัญหานี้ได้เกิดขึ้นแล้วในบางประเทศอย่างเช่น ประเทศเวเนซุเอลา และตุรเคียที่ได้ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่เงินเฟ้อสูงที่สุดในโลกในปี 2022 

ตัวอย่าง Cryptocurrency คริปโตเคอเรนซี่ จะแบ่งย่อยเป็นหลายประเภท เช่น Currency, GameFi, Defi, Meme ซึ่งเป้าหมายในการใช้ก็จะแตกต่างกัน

ในเรื่องการนำมาใช้แทนเงินสด เคยมีหลายแบรนด์ที่นำมาใช้ แต่ก็ต้องยกเลิกไปเนื่องจากมีความผันผวนและความเสี่ยงสูงจากข่าวต่างๆที่คยเกิดขึ้น เช่น ในกรณีของ Luna ที่เป็นข่าวดังอยู่ระยะนึงเลย ส่วน Cryptocurrency ที่ได้ยินกันจนคุ้นหูก็อย่างเช่น Bitcoin

Insurance Technology/ Insurtech

ในปัจจุบันการซื้อประกันไม่ได้เป็นเพียงการซื้อความคุ้มครองอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะการซื้อประกันถือเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่ง การใช้เทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาช่วยคำนวณเบี้ยประกัน ผลตอบแทน ความเสี่ยง จุดคุ้มทุน รวมถึงการหาประกันที่ใช้เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อ และยังช่วยให้ผู้เสนอขายประกันสะดวกสบายมาขึ้นด้วย

Enterprise Financial Software

ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่จะช่วยผู้ประกอบการในส่วนของการจัดการทางด้านการเงิน ทั้งยังช่วยประหยัดเวลา และทรัพยากร อีกทั้งทำให้กระบวนการต่าง ๆ ภายในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้นตัวอย่างเช่น จากเดิมการตรวจสอบงบการเงินของบริษัทต้องรอข้อมูลจากฝ่ายบัญชี แต่ fintech เป็นเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทันที นำไปสู่การตัดสินใจที่รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง Enterprise Financial Software

i-Finsoft เป็นแพลตฟอร์มที่มีระบบบัญชีการเงินและบัญชีต้นทุน ซึ่งจะช่วยจัดระบบตั้งแต่หนี้เข้ามาไปจนถึงการชำระเงินเลย ไม่ว่าจะเป็นระบบการรับเงิน การจ่ายเงิน และระบบแยกบัญชี และยังช่วยวิเคราะห์ภาพรวมต่างๆอีกด้วย เช่น แผนงาน งบประมาณ ผลผลิต และอื่นๆ

Investment Management

เทคโนโลยีที่ช่วยจัดการการลงทุน รวมถึงมีผู้ดูแลการเงินผ่านแอพพลิเคชัน อย่างการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์หุ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยี Robo Advisor มาช่วยในการจัดพอร์ตการลงทุน หรือที่เรียกว่า Asset Allocation 

ข้อดีและข้อเสียของ FinTech

Fintech

เทคโนโลยีทางการเงิน หรือ Fintech ได้กลายมามีบทบาทสำคัญกับทั้งธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจขนาดใหญ่ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งแน่นอนว่า Fintech มีข้อดีที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนากันต่อไป ซึ่งในอนาคต Fintech จะถูกพัฒนาเรื่อย ๆ ให้ดียิ่งขึ้นไป และปรับแก้ในจุดที่ขาดได้อย่างแน่นอน

FinTech ข้อดี

Fintech ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกวิกฤตธุรกิจเลยก็ว่าได้ เพราะการใช้ Fintech มีข้อดีที่เด่นหลายข้อด้วยกัน คือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ รวมถึงการทำงาน และช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา อีกทั้งช่วยเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้ต่ำเข้าถึงบริการทางการเงิน และเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าถึง Non-bank ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้ภาคธุรกิจปรับตัว โดยพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ ๆ ที่ช่วยให้สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ผู้ใช้งาน หรือลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยข้อดีทั้งหมดนี้ Fintech จึงมีศักายภาพสูงในการต่อยอดสร้างบริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน 

FinTech ข้อเสีย

Fintech ยังมีข้อจำกัด รวมถึงเรื่องที่ยังต้องพัฒนากันต่อไปนั่นก็คือ ความไม่เสถียรของระบบ อย่างในกรณีที่หลายคนพบเจออยู่เป็นประจำ เช่น ช่วงเวลาที่มีปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก ส่งผลให้ระบบขัดข้อง และไม่สามารถโอนเงินได้ เป็นต้น รวมถึงด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่เกิดจากระบบเอง และเกิดจากผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ข้อดีข้างต้นก็สามารถก่อให้เกิดผลเสียได้เช่นกัน เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อฟินเทคที่ช่วยให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้มีรายได้ต่ำสามารถเข้าถึงการยื่นขอสินเชื่อทั้งกับสถาบันการเงิน และ Non-bank ซึ่งอาจมีส่วนผลักดันให้เกิดอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น

ตัวช่วยการรีไฟแนนซ์ กู้สินเชื่อ ประกันภัย รีฟินน์

Fintech

Refinn ถือเป็น Fintech ประเภท Crowdfunding platform ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน และเป็นตัวกลางที่ช่วยให้ลูกหนี้ กับธนาคารมาเจอกันง่ายขึ้น โดย Refinn ให้บริการฟรี ทั้งช่วยเปรียบเทียบโปรโมชันว่ารีไฟแนนซ์ที่ไหนได้ดอกเบี้ยถูกที่สุด โดยนำระบบ AI มาช่วยประเมินความเสี่ยง และเสนอโปรแกรมรีไฟแนนซ์ที่ตรงตามความเหมาะสมของลูกหนี้ ซึ่ง Refinn มีบริการที่ครอบคลุมทั้งกู้สินเชื่อ ประกันภัย  รีไฟแนนซ์, รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, รีไฟแนนซ์รถ แล้วการใช้บริการรีไฟแนนซ์กับ Refinn ดียังไง? การรีไฟแนนซ์นั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และซับซ้อน Refinn จึงนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดขั้นตอน ลดเวลาการดำเนินการ ด้วยเครื่องมือช่วยเปรียบเทียบข้อเสนอ เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยง และหาโปรแกรมที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

สรุปเรื่อง FinTech

ในอนาคต Fintech จะยิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากยิ่งขึ้น และเข้าถึงหลาย ๆ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ให้บริการต้องปรับตัวกันมากเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคโดยเข้าถึงบริการ และมีตัวเลือกบริการทางการเงินที่หลากหลายยิ่งขึ้น

เผยแพร่เมื่อวันที่ 06 ก.พ. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม