ซื้อบ้านหลังแรกอย่างไรให้ถูกใจและคุ้มค่ามากที่สุด
บ้านเป็นสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ที่หลายคนใฝ่ฝัน เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยที่เราสามารถออกแบบได้ตามสไตล์ของตัวเอง มีความเป็นส่วนตัวทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวล แต่แน่นอนว่าการซื้อบ้านหลังแรกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเราต้องตรวจสอบองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งทำเลที่อยู่ สิ่งอำนวยความสะดวกรอบข้าง และที่สำคัญที่สุดคือการกู้ซื้อบ้านหลังแรกนั่นเอง สำหรับบทความนี้ผมจะขอมาแนะนำแนวทางให้กับเพื่อน ๆ ในการซื้อบ้านหลังแรกกันว่า เราจะต้องเตรียมอะไรบ้าง และมีอะไรที่เราต้องรู้ก่อนซื้อบ้านหลังแรกกันบ้าง
ข้อควรรู้ก่อนซื้อบ้านหลังแรก
อย่างที่ผมเกริ่นไปในช่วงเริ่มต้นครับว่าการซื้อบ้านหลังแรกเราจะต้องเตรียมตัวมากพอสมควร เนื่องจากว่าบ้านเป็นสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ และใช้อยู่อาศัยในระยะยาว ทำให้เราต้องเตรียมตัวในหลาย ๆ ด้านก่อนการกู้ซื้อบ้านหลังแรก ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมในการซื้อบ้าน เราควรมีเงินก้อนจำนวนเท่าไหร่ เราจะต้องกู้เพิ่มอีกเท่าไหร่ ต้องมีการคำนวณเป็นอย่างดีเพื่อการเลือกซื้อบ้านหลังแรกที่ดีที่สุด เสียดอกเบี้ยให้น้อยที่สุด หรือจะเป็นการเลือกราคาบ้านที่เหมาะสมกับงบประมาณ มีงบเท่านี้เราควรซื้อบ้านแบบไหน ทำเลตรงไหนถึงจะสะดวกต่อการใช้ชีวิตของเรา เป็นต้นครับ นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างสั้น ๆ ว่าหากเราต้องการซื้อบ้านหลังแรกซักหลังหนึ่งเราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ซึ่งเดี๋ยวผมจะพามาดูปัจจัยทั้ง 10 อย่างที่คนอยากซื้อบ้านควรศึกษา ก่อนจะซื้อบ้านหลังแรกกันครับ
10 ปัจจัยสำคัญที่ควรศึกษา ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก
ก่อนจะซื้อบ้านหลังแรกเราควรศึกษาให้ดีก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องพิจารณา โดยผมได้รวบรวมมาทั้งหมด 10 ปัจจัยให้เพื่อน ๆ ได้วิเคราะห์กันครับ
1. ต้องมั่นใจว่าสามารถผ่อนได้ในระยะยาว
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดก่อนเริ่มวางแผนซื้อบ้านหลังแรก นั่นคืองบประมาณที่ต้องมีความพร้อม เนื่องจากว่าการซื้อบ้านเป็นสินทรัพย์ที่เราต้องผ่อนชำระในระยะยาว โดยส่วนใหญ่แล้วการผ่อนบ้านจะต้องมีระยะเวลาเกิน 10 ปีขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ ทำให้เราต้องมีความมั่นใจว่าสามารถผ่อนได้เป็นเวลาหลายปี ต้องมีการวางแผนทางการเงินอย่างดีที่สุด
ถ้าหากเกิดปัญหาการเงินกลางทางแล้วไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้ อาจเกิดปัญหาร้ายแรงที่สุดถึงขั้นถูกธนาคารยึดทรัพย์เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วหากวางแผนกู้ซื้อบ้านหลังแรก สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกนั่นคือเรื่องของงบประมาณนั่นเอง
2.บ้านที่เลือกซื้อต้องเหมาะกับงบประมาณ
ถ้าหากเรามั่นใจแล้วว่าเรามีงบประมาณมากพอในการซื้อบ้านหลังแรก สิ่งสำคัญอันดับต่อมานั่นคือการเลือกซื้อบ้านที่มีความเหมาะสม เพราะบ้านที่เราเลือกซื้อจะเป็นตัวกำหนดสำคัญว่าเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด
ซึ่งเราควรเลือกซื้อบ้านในอัตราที่สามารถผ่อนได้ไหว และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าหากบ้านที่เราสนใจยังเกินวงเงินผ่อนที่วางไว้ อาจจะต้องเปลี่ยนตัวเลือกเป็นบ้านหลังอื่นที่เราได้เก็บไว้เป็นทางเลือก เพื่อได้บ้านในราคาที่ถูกขึ้น และการผ่อนชำระที่เบาสบายลง
3. มีบ้านที่สนใจ แต่อย่าลืมเช็กสิ่งรอบข้าง
หากเราได้บ้านที่สนใจแล้วอย่าลืมเช็คสิ่งรอบข้างตัวบ้าน เพื่อการอยู่อาศัยในระยะยาว ซึ่งถ้าให้ดีที่สุดก่อนการเลือกซื้อเราควรไปตรวจสอบบ้านด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น
- บรรยากาศ เนื่องจากว่าเราจะต้องอยู่อาศัยในระยะยาว ถ้าหากบรรยากาศรอบข้างมีมลภาวะทางเสียง หรือการรับกลิ่นก็อาจเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันได้ครับ
- กลางวัน / กลางคืน เนื่องจากว่าในตอนเช้าเราต้องใช้ชีวิตไปกับความเร่งรีบ ต้องตรวจสอบในเรื่องเส้นทางการเดินทางว่าสามารถเดินทางได้สะดวกหรือไม่ รถยนต์เริ่มหนาแน่นในช่วงเวลาใด รวมไปถึงเวลากลางคืนที่เราต้องตรวจสอบว่าทางเข้าบ้านเปลี่ยวหรือไม่ มีไฟตลอดทางหรือเปล่า เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และความปลอดภัยต่อตัวเราเอง
- สิ่งอำนวยความสะดวกรอบข้าง เนื่องจากว่าเราจะต้องอยู่อาศัยในระยะยาว ก็จะต้องตรวจสอบว่ามีแหล่งร้านค้าอะไรบ้าง โรงพยาบาลห่างไปไกลแค่ไหน เพื่อความสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยนั่นเองครับ
4.สำคัญที่สุด! ต้องมีเอกสารสัญญาจะซื้อจะขาย
มีงบประมาณแล้ว เลือกบ้านหลังแรกได้แล้ว ทำเลบ้านก็ดีแล้ว แต่อย่าลืมเตรียมเอกสารที่มีความสำคัญเช่นกัน เพื่อเป็นหลักฐานในการซื้อบ้าน และสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างดำเนินการซื้อบ้านนั่นเอง
โดยเอกสารที่ผมพูดถึงจะเป็นเอกสารที่เรียกกันว่า “สัญญาจะซื้อจะขาย” โดยเป็นสัญญาที่ทำข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อบ้านครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ราคา เลขที่โฉนด ชื่อผู้ทำการซื้อขาย และยังมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายทำสัญญาร่วมกัน โดยเอกสารเหล่านี้จะสามารถใช้ในการดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับบ้านได้ เช่น
- ใช้ในการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร
- ใช้ในการโอนบ้านที่กรมที่ดิน
- หากมีฝ่ายใดผิดสัญญา สามารถใช้ในการดำเนินคดีได้
5. ขอสินเชื่อบ้าน เลือกธนาคารไหนดี?
เป็นที่แน่นอนว่าการกู้ซื้อบ้านจะต้องขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถขอได้ทุกธนาคาร แต่ว่าเราจะขอจากธนาคารไหนดีล่ะ? ผมขอแนะนำว่าให้เพื่อน ๆ ตรวจสอบที่อัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารเป็นหลักครับ
เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยมักจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ อีกทั้งในบางช่วงก็จะมีโพรโมชันพิเศษให้กับผู้ที่สนใจขอสินเชื่ออีกด้วย แต่แน่นอนว่าการเลือกดูสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นอะไรที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน ลองเข้าเว็บไซต์ของเราและตรวจสอบโพรโมชันดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารได้ที่เว็บไซต์ Refinn.com
6. มีธนาคารในใจแล้ว อย่าลืมดูวงเงินที่ได้
ในการขอสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นขอสินเชื่อประเภทใดก็จะต้องมีวงเงินที่ทางธนาคารได้กำหนดไว้ แต่ละคนก็จะได้วงเงินที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากบ้านแต่ละหลังเมื่อยื่นขอสินเชื่อก็จะต้องถูกประเมินด้วยเจ้าหน้าที่จากธนาคาร และนำมาคิดวงเงินในภายหลัง ซึ่งทำให้นอกจากเรื่องการเช็คงบประมาณแล้ว เรายังควรตรวจสอบวงเงินที่ได้จากการขอสินเชื่อเพิ่มเติมด้วยว่าหากควบรวมกันแล้ว บ้านหลังแรกที่เราได้เลือกไว้นั้นสามารถซื้อและผ่อนชำระได้ตามที่วางแผนไว้หรือไม่
7. อยากได้วงเงินสินเชื่อเยอะ ต้องทำยังไง
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ถ้าหากต้องการเพิ่มวงเงินสินเชื่อในการซื้อบ้านหลังแรกของเราควรจะทำยังไงได้บ้าง ผมต้องขอแนะนำว่าถ้าหากอยากได้วงเงินเต็ม 100% จะต้องซื้อบ้านตามเงื่อนไข นั่นคือการซื้อบ้านมือหนึ่ง หรือจะเป็นบ้านโครงการใหม่ ที่ได้มีการซื่อจากเจ้าของโครงการโดยตรง
นอกจากนี้ทางธนาคารจะตรวจสอบจากผู้กู้ร่วมด้วยเช่นกัน หากผู้กู้มีภาระผ่อนชำระที่มาก อัตราวงเงินสินเชื่อก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งผมแนะนำว่าเราควรจัดการภาระหนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนการกู้เงิน เพื่อการขอวงเงินได้สูงที่สุด
8. ทุกสินเชื่อบ้านมีอัตราดอกเบี้ย
ในการขอสินเชื่อบ้านหลังแรกสิ่งที่ต้องคำนึงไม่แพ้กันนั่นคือเรื่องของอัตราดอกเบี้ย การขอสินเชื่อเมื่อเราต้องผ่อนชำระจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันนั่นคือ 1. เงินต้น 2. ดอกเบี้ย ยกตัวอย่างเช่น เราจะต้องผ่อนชำระ 25,000 บาทต่อเดือน ใน 20,000 แรกอาจเข้าเงินต้น และอีก 5,000 จะเข้าดอกเบี้ย เป็นต้น
โดยตามปกติแล้วเมื่อขอสินเชื่อในช่วง 1 - 3 ปีแรก จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่ถ้าหากเกิน 3 ปีขึ้นไปอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้น ทำให้เงินผ่อนเข้าเงินต้นน้อยลง และเข้าดอกเบี้ยมากขึ้น ทำให้เราผ่อนชำระบ้านหมดได้ช้าลง ซึ่งปัญหานี้เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่
เป็นการทำสัญญากับธนาคารใหม่นั่นเอง ซึ่งถ้าหากเพื่อน ๆ กำลังมองหาธนาคารเพื่อการรีไฟแนนซ์ ลองเข้ามาตรวจสอบโพรโมชันจากหลากหลายธนาคารผ่านเว็บไซต์ของเรา Refinn.com ได้เลยครับ
9. เตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อบ้าน
อีก 1 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้สำหรับการเตรียมตัวซื้อบ้านหลังแรกนั่นคือการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อบ้าน ซึ่งเราต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ โดยจะมีเอกสารดังต่อไปนี้
- บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (คู่สมรส) (ถ้ามี)
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
- ใบรับรองเงินเดือน / หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ,
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
10. ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน มีอะไรบ้าง
ทั้งหมดนี้ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยอย่างแน่นอนครับว่า สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการซื้อบ้านหลังแรกนั้นมีอะไรบ้าง โดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งเป็น 2 อย่างด้วยกัน ได้แก่
ค่าใช้จ่ายก่อนการโอนบ้าน
- ค่าทำสัญญาหรือเงินจอง สำหรับการการจองสงวนสิทธิ์ในการซื้อบ้านของเรา โดยราคาจะขึ้นอยู่กับการกำหนดของเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของโครงการ
- ค่าดาวน์บ้าน จะเริ่มต้นตั้งแต่ 10% - 20% ของราคาบ้าน หากบ้านอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างจะสามารถเลือกผ่อนจ่ายค่าดาวน์บ้านกับเจ้าของโครงการได้ ขึ้นอยู่กับการตกลง
ค่าใช้จ่ายหลังจากการโอนบ้าน
- ค่าธรรมเนียมการโอนบ้าน เป็น 2% ของราคาประเมินรวมสิ่งปลูกสร้าง โดยผู้ขายกับผู้ซื้อสามารถแบ่งจ่ายกันได้ แล้วแต่การตกลงกันของทั้งสองฝ่าย
- ค่าจดจำนอง สำหรับการซื้อบ้านที่ยื่นขอสินเชื่อบ้าน เป็น 1% ของยอดสินเชื่อ
สูตรคำนวณวงเงินการกู้ซื้อบ้านหลังแรก
วนกลับมาที่วงเงินสินเชื่อกันอีกเล็กน้อยนะครับ เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนต้องมีความสงสัยว่าวิธีการคำนวณหาวงเงินกู้สูงสุดต้องทำอย่างไร
โดยวิธีคำนวณหาวงเงินสินเชื่อบ้านเนี่ย จะต้องยึดกับ “ความสามารถในการชำระหนี้” ของเราเป็นหลักครับ ตามปกติแล้วธนาคารจะตั้งเกณฑ์ไว้ไม่ให้เกิน 40% ของรายได้หลังหักหนี้สินอื่น ๆ ของเรา โดยจะแบ่งเป็น 2 ข้อหลัก ๆ ด้วยกันครับ
- หาความสามารถในการผ่อนชำระ คือ (เงินเดือน x 40%) - หนี้สินอื่น
- หาวงเงินสินเชื่อสูงสุดโดยการนำ ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ x 150
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าหากคุณมีเงินเดือนที่ 20,000 บาท (โดยที่ไม่มีหนี้สิน) คุณจะสามารถชำระหนี้สินได้เดือนละ 8,000 บาท จากสูตรหารหาความสามารถในการผ่อนชำระ และการหาวงเงินสินเชื่อบ้านสูงสุดจะเป็นการนำ “ความสามารถในการชำระหนี้” คูณด้วย 150 จะทำให้ได้วงเงินสูงสุดที่เราขอสินเชื่อได้ โดยนำเอา 8,000 x 150 = 1,200,000 บาท นั่นเองครับ
สรุปเกี่ยวกับการซื้อบ้านหลังแรก
จะเห็นได้เลยนะครับว่าการเตรียมตัวซื้อบ้านหลังแรกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องมีหลายปัจจัยที่เราจะต้องทราบ ต้องทำความเข้าใจ เพราะการซื้อบ้านที่เป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่ถือเป็นอีก 1 จุดเปลี่ยนสำคัญของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าถ้าหากเราได้มีการศึกษา และวางแผนได้เป็นอย่างดี มีการตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาในอนาคตเลยแม้แต่น้อย
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาสินเชื่อบ้านสำหรับกู้ซื้อบ้านหลังแรก ก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้จากช่องทางเว็บไซต์ของเรา Refinn.com เพราะว่าเราสามารถจัดหาโพรโมชันได้ดีที่สุดเพื่อลูกค้าของเราทุกคน ไม่ต้องเสียเวลาหาเองให้เสียเวลา ไม่ต้องไปนั่งคำนวณด้วยตัวเองให้เหนื่อยเปล่า ให้พวกเรา Refinn ช่วยเหลือคุณ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง และที่สำคัญเราบริการให้ฟรีกับลูกค้าทุกท่าน ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างแน่นอน