5 คำถามที่พบบ่อยกับการรีไฟแนนซ์รถ | Refinn
เชื่อว่าทุกคนที่เริ่มต้นจะนำรถไปรีไฟแนนซ์มักจะมีคำถามมากมาย ทำอย่างนั้นได้ไหม ยุ่งยากหรือเปล่า ซึ่งพอเราตั้งคำถามก็มักจะพยายามหาคำตอบเพื่อทำให้การรีไฟแนนซ์รถเป็นไปอย่างสบายใจ ถูกต้อง และในบทความนี้ได้รวมเอาทุกคำถามที่พบบ่อย คนสอบถามเข้ามาที่ Refinn กันเยอะ โดยผมรวมไว้ 5 คำถามนี้เลยครับ
คำถามที่ 1 รีไฟแนนซ์รถได้ไหม ถ้ายังผ่อนรถไม่หมด?
แม้ว่ารถเราจะยังผ่อนอยู่แต่สามารถทำการรีไฟแนนซ์รถยนต์ได้แน่นอนครับ เพราะการรีไฟแนนซ์คือการที่คุณนำรถที่ผ่อนยังไม่หมด ไปขอสินเชื่อจากที่ใหม่เพื่อมาปิดหนี้สัญญาเดิม และไปผ่อนกับที่ใหม่ เพื่อรับประโยชน์อย่างการลดยอดผ่อน ขอเงินก้อนมาใช้ ขยายระยะเวลาการผ่อนครับ บางคนก็เรียนกว่าการย้ายไฟแนนซ์ แต่ไม่ใช่รถผ่อนอยู่ทุกคันจะสามารถทำได้นะครับ จะมีเกณฑ์พื้นฐานดังนี้ครับ ดังนี้
1. ต้องผ่อนชำระเกินครึ่งหนึ่งสัญญา
รถที่นำมาขอสินเชื่อจะต้องผ่อนชำระให้เกินครึ่งหนึ่งของสัญญาปัจจุบัน หรือ 50% ของจำนวนงวดทั้งหมด ถึงจะสามารถขอรีไฟแนนซ์ได้ ยกตัวอย่างเช่น สัญญาในการผ่อนชำระที่เก่าอยู่ที่ 6 ปี ดังนั้นเราต้องผ่อนชำระทั้งหมด 3 ปีขึ้นไป
2. อายุรถต้องไม่เกิน 15 ปี
สถาบันการเงินส่วนใหญ่ที่ปล่อยสินเชื่อรถส่วนใหญ่แล้วจะรับพิจารณารถที่มีอายุไม่เกิน 15 ปีครับ แต่ก็มีบางสถาบันการเงินที่ให้มากกว่านั้น อย่างเช่น เงินติดล้อที่มีเงื่อนไขให้อายุรถยนต์ได้สูงสุดถึง 20 ปี
3. การตรวจเช็กเครดิตในการรีไฟแนนซ์รถ
เครดิตของผู้ขอสินเชื่อก็เป็นเงื่อนไขเช่นกัน ส่วนใหญ่ถ้าเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อรถสถาบันการเงินประเภทธนาคารส่วนมากก็เคร่งครัดและเข้มงวด ควรประวัติทางการเงินต้องดี ไม่มีจ่ายช้าเกิน 90 วัน ไม่มีค้างชำระ ไม่ติดเครดิตบูโร ซึ่งหากใครมีประวัติตามที่กล่าวมาก็อาจจะต้องลุ้น ๆ ตอนทีขอสินเชื่อหน่อยครับ แต่ข้อดีคือก็จะได้เรื่องของดอกเบี้ยที่ค่อนข้างถูก
แต่หากเราเป็นคนที่มีประวัติทางการเงินไม่ค่อยสวยก็อาจจะต้องเลือกสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร เกณฑ์ต่าง ๆ ก็จะไม่เข้มงวดเท่า บางที่ก็ไม่มีการเช็คประวัติเครดิตบูโรเลยครับ แต่เนื่องจากสถาบันการเงินเองก็ต้องรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นจึงทำให้อาจต้องเรียกก็บดอกเบี้ยที่สูงกว่าครับ
คำถามที่ 2 ยังใช้รถได้ไหม ถ้าเอาไปรีไฟแนนซ์แล้ว?
แน่นอนว่าสามารถนำรถไปใช้งานได้เหมือนเดิมปกติเลยครับ ไม่ต้องจอดไว้ให้กับทางธนาคารหรือสถาบันการเงินเลย เพราะการรีไฟแนนซ์คือสินเชื่อประเภทจำนำเล่มทะเบียนครับ นั้นหมายความว่า เราแค่เอาเล่มทะเบียนไปฝากไว้กับทางสถาบันการเงิน ที่เราขอสินเชื่อเท่านั้นครับ
ซึ่งหลายๆคนอาจจะสับสนระหว่างรูปแบบการขอสินเชื่อรถในสมัยก่อน เพราะการขอสินเชื่อรถในสมัยก่อนนั้น อาจจำเป็นที่จะต้องนำรถไปจอดไว้ที่สถาบันการเงิน หรือที่ที่เราไปขอสินเชื่อ อย่างหนี้นอกระบบ เต็นท์รถ หรือแม้แต่กับเพื่อนหรือคนรู้จักครับ ซึ่งปัจจุบันธนาคารส่วนใหญ่ไม่มีการจำนำรถจอดแล้วครับ จะมีก็แค่ให้เลือกว่าจะทำแบบโอนเล่มทะเบียนรถ หรือไม่โอนเล่มทะเบียนรถเท่านั้นแหละครับ
คำถามที่ 3 ไม่ใช่ชื่อเรา รีไฟแนนซ์รถได้ไหม?
เราไม่สามารถนำรถที่ไม่ใช่ชื่อตัวเองไปรีไฟแนนซ์ได้ครับ เพราะตามกฎหมายใครที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในรถจะไม่สามารถไปขอสินเชื่อได้ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นรถที่ถูกขโมยมา หรือเจ้าของรถไม่ได้สมัครใจยินยอมครับ
แต่หากมีความจำเป็นต้องทำจริง ๆ ก็ยังพอมีแนวทางโดยแนะนำว่าจะต้องมีหนังสือยินยอมมอบอำนาจจากเจ้าของรถมาก่อนถึงจะสามารถรีไฟแนนซ์รถได้ แต่ในบางสถาบันการเงินก็ไม่สามารถให้ผู้รับมอบมาดำเนินการแทนได้ครับอันนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละบริษัทแนะนำให้ลองโทรไปคุยก่อนได้ครับ
4. เอกสารรีไฟแนนซ์รถยุ่งยากหรือเปล่า?
เอกสารที่นำไปใช้รีไฟแนนซ์รถบอกเลยว่าใช้เอกสารเพียงไม่กี่อย่างครับ โดยผมจะแบ่งเอกสารที่ใช้หลักๆเป็น 2 ส่วนนะครับ เพื่อให้เข้าใจง่าย นั้นคือ
ส่วนที่ 1 เอกสารส่วนตัวผู้ขอสินเชื่อ
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือน
- หลักฐานแสดงที่มาของรายได้
ส่วนที่ 2 เอกสารเกี่ยวกับรถ
สำเนาทะเบียนรถยนต์เป็นเอกสารที่สำคัญมากขาดไม่ได้เลย แต่เราไม่จำเป็นจะต้องนำเล่มทะเบียนตัวจริงไปครับ เพราะเล่มทะเบียนเราก็จะยังอยู่กับสถาบันการเงินที่เดิม ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการทำธุรกรรม ให้นำเป็นสำเนาเล่มทะเบียนรถของเราไปแทนครับ
ในแต่ละธนาคารจะใช้เอกสารในการขอสินเชื่อก็จะแตกต่างกันไป โดยสามารถดูเอกสารที่จำเป็น ในการยื่นขอรีไฟแนนซ์รถอย่างละเอียด ว่าต้องใช้เอกสารเป็นตัวจริงหรือสำเนาและต้องใช้กี่ใบ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เอกสารจำเป็นสำหรับคนคิดรีไฟแนนซ์รถ
คำถามที่ 5 ไม่มีคนค้ำประกันแต่อยากรีไฟแนนซ์รถทำได้ไหม?
ทำได้ครับ ปัจจุบันหลายธนาคารไม่จำเป็นต้องใช้คนค้ำประกันแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้ที่มาขอสินเชื่อด้วยครับ ในกรณีที่อยากได้ข้อเสนอหรือวงเงินสูงเกินกว่าความสามารถการผ่อนชำระของตนเอง ก็อาจจะต้องมีคนค้ำประกันครับ
เพราะแน่นอนว่าคนค้ำประกันเป็นสิ่งที่ทางธนาคารค่อนข้างต้องการ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสลิปเงินเดือน หรือมีประวัติหนี้เยอะ เพราะผู้ค้ำประกันเป็นหลักประกัน ว่าถ้าหากในอนาคตผู้กู้ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวด ต่อได้ ทางธนาคารจะสามารถเรียกเก็บค่างวดจากผู้ค้ำประกันแทนได้ เพื่อเป็นการการันตีว่าเมื่อเราขอสินเชื่อไปแล้วจะสามารถใช้หนี้คืนได้นั้นเองครับ
โดยผู้ค้ำจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ทางธนาคารกำหนดไว้ อย่างเช่น อายุไม่เกิน 60 ปี ควรมีรายได้ประจำตามเกณฑ์ที่ทางสถาบันการเงินนั้น ๆ ต้องการ
หมดคำถามแล้ว เลือกรีไฟแนนซ์รถที่ไหนดี?
เอาจริงๆ นี้ก็เป็นคำถามที่พบบ่อยที่สุดเลยครับ 555 มากกว่าทั้ง 5 คำถามสุดฮิตที่เล่ามาทั้งหมดรวมกันอีก แต่เนื่องด้วยเคยเล่าไปแล้วในบทความก่อน ๆ ต้องบอกว่าทุกสถาบันการเงินที่ถูกกฏหมายดีทุกที่เลยครับ แต่ก็จะมีจุดเด่งที่ต่างกัน เช่น
- สถาบันการเงิน A ให้วงเงินสูง แต่ดอกเบี้ยก็สูงเช่นกันจึงเหมาะกับคนที่ต้องการเงินสูงแต่ไม่ต้องการกู้นาน
- สถาบันการเงิน B ให้วงเงินไม่สูงมาก แต่ว่าเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อไม่เข้มงวดมาก ไม่ตรวจประวัติเครดิตบูโร คนที่มีประวัติทางการเงินไม่ดีก็กู้เงินได้
เบื้องต้นผมแนะนำให้ลองทำการสมัครขอสินเชื่อผ่านออนไลน์ก่อนครับ สมัครแล้วจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาคุยรายละเอียดเบื้องต้น เราโอเคกับที่ไหนก็ค่อยเดินทางไปที่สาขายื่นเอกสาร บางที่มีคนมารับเอกสารมาตรวจรถถึงที่เลยครับ ลองเข้าไปดูโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ รีไฟแนนซ์รถ ซึ่งมีการรวมโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์รถ รวมไปถึงรีไฟแนนซ์อื่น ๆ เช่น รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จากธนาคารชั้นนำไว้ให้แล้วครับ และสมัครผ่านรีฟินน์ยังมีทีมงานที่คอยช่วยโทรติดตามกับสถาบันการเงิน และคอยให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ทำสินเชื่อฟรีด้วยครับ รับรองว่าสมัครแล้วไม่มีหาย ทำเรื่องไวแน่นอน