เช็คให้ดี 4 ข้อ เตรียมตัวก่อนรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
หลายคนที่มีบัตรเครดิตอยู่คงจะเคยผ่านหูผ่านตากับคำว่า ‘รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต’ กันมาบ้าง ยิ่งสำหรับใครที่สภาพคล่องทางการเงินเริ่มฝืดเคืองขึ้นมาแล้วก็คงจะเริ่มสนใจการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งความสนใจที่ว่าก็ย่อมมาพร้อมกับความลังเลด้วยว่าตัวเองสมควรจะรีไฟแนนซ์เลยไหม หรือว่าการรีไฟแนนซ์จะคุ้มค่ารึเปล่า โดยหากใครที่กำลังเริ่มตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเองอยู่แล้วล่ะก็ วันนี้เราจะพาไปเช็ค 4 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต กันครับ
1. เช็คก่อนว่าจ่ายไหวไหม รีไฟแนนซ์จำเป็นจริงๆ รึเปล่า?
ข้อแรกเลยที่ต้องมาเช็คกันคือการเช็คว่าหนี้บัครเครดิตที่เรามีอยู่นั้น เรามีความสามารถในการผ่อนชำระได้ปกติไหม เพราะข้อดีของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นั้นมี 2 ส่วน คือ
- ลดดอกเบี้ย ผู้ใช้บริการรีไฟแนนซ์บัตรเคดิตบางท่านก็ไม่ได้มีปัญหาขาดสภาพคล่องนะครับ แต่การรีไฟแนนซ์สามารถเลือกโปรโมชั่นธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งดอกเบี้ยอาจถูกกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลที่เคยกู้มาได้ครับ การทำวิธีนี้ก็ช่วยประหยัดในเรื่องดอกเบี้ยได้เช่นกัน เราก็อาจจะเลือกธนาคารที่ดอกเบี้ยถูก ระยะเวลาก็ใช้เป็นผ่อนสั้น ๆ แทนครับ ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ผมเห็นปัจจุบันเริ่มต้นที่ 9% เท่านั้นครับ เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดที่อยู่ประมาณ 18-26% ต่อปี
- ลดค่าผ่อนต่อเดือน ยืดระยะเวลาผ่อน ซึ่จะทำให้ค่างวดผ่อนต่อเดือนลดลง เพิ่มสภาพคล่องให้กับเราได้ เราก็เลือกธนาคารที่ให้ระยะเวลาผ่อนเรายาวขึ้นครับ เช่น ปกติเราผ่อนขั้นต่ำบัตรเครดิตอยู่ 3 ใบ เป็นเงิน 30,000 บาทต่อเดือน แต่พอเรารวมหนี้แล้วเราอาจจะเหลือผ่อนแค่เดือนละ 7,000 บาท เป็นระยะเวลา 48 งวดแทน โปรโมชั่นที่ผมเช็คมาผ่อนเบาสุดเริ่มต้นที่ 3% ของยอดเงินที่กู้ ต่ำสุดเริ่มต้นที่ 500 บาทต่อเดือนครับ
ลองเข้าไปเช็คโปรโมชั่นสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากธนาคารชั้นนำได้ที่นี้ >> รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
2. เช็คดอกเบี้ยเดิมกับดอกเบี้ยใหม่ อันไหนคุ้มกว่ากัน
ถ้าเราตัดสินใจแล้วว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือทางออก สิ่งที่เราจะเช็คเป็นลำดับต่อมาคือ การเช็คดอกเบี้ย โดยเราต้องดูว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตเดิมที่ต้องจ่ายอยู่เท่าไร แล้วถ้าเราทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตไปธนาคารหรือสถาบันการเงินใหม่เราจะได้ดอกเบี้ยอยู่เท่าไร แบบไหนจะดีกว่ากัน
แต่อย่างที่ได้บอกไปข้อแรกนะครับ สำหรับใครที่มีปัญหา “ขาดสภาพคล่องทางการเงิน” การเงินมีปัญหาอยู่ เราจะดูจากดอกเบี้ยถูกที่สุดก่อนไม่ได้ ต้องยึดจากยอดผ่อนต่อเดือนนะครับโดยดูว่าธนาคารไหนบ้านที่ให้เราผ่อนได้ยาวหน่อย (ยิ่งผ่อนได้นานก็จะทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง) แล้วค่อยนำธนาคารเหล่านี้มาพิจารณาดอกเบี้ยอีกที่หนึ่งว่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยเราดีที่สุดครับ เพราะถ้าเราขาดสภาพคล่องทางการเงินแล้วเลือกธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยถูก แต่ยอดผ่อนแต่ละเดือนยังสูงอยู่แบบนี้ก็ถือว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ อาจจะเพิ่มปัญหาให้อีกต่างหาก
3. เช็ควงเงินที่ต้องการใช้ปิดหนี้บัตร
ข้อที่สามก็คือการเช็ควงเงินกู้ที่ธนาคารใหม่เสนอมา ว่าพอดีกับหนี้ที่เรามีอยู่ไหม แต่ละธนาคารก็อาจจะให้วงเงินกู้ที่ไม่เท่ากันด้วยนะครับ เช่น บางธนาคารให้วงเงินกู้น้อย แต่ดอกเบี้ยถูกมาก หรือบางธนาคารให้วงเงินกู้สูง แต่ดอกเบี้ยก็อาจจะไม่ได้ถูกที่สุด และหากวงเงินที่ได้รับอนุมัติไม่ครอบคลุมยอดหนี้ทั้งหมดเราก็อาจจะต้องมีการเลือกว่าจะทำไปใช้ปิดบัตรใบไหนเพื่อให้คุ้มค่าที่สุด
4. เช็คเงื่อนไขดี ๆ อย่าให้มีผิดพลาด
ข้อสุดท้าย หากเลือกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่ถูกใจได้แล้วก็อย่าลืมเช็คเงื่อนไขต่างๆ ของสินเชื่อที่เราเลือกให้ดี เพราะบางทีอาจจะมี * (เครื่องหมายดอกจัน) หรือเงื่อนไขตัวเล็ก ๆ ที่เราอ่านข้ามไปอยู่ ซึ่งในบางครั้งมันอาจจะทำให้เกิดปัญหากับเราขึ้นได้ในภายหลัง เพราะฉะนั้นก่อนการตัดสินใจทุกครั้งก็อย่าลืมเช็คให้ดี และนำมาประกอบการตัดสินใจของเราด้วย
หลังจากเช็คตัวเองแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะมีแนวทางในการตัดสินใจได้แล้วนะครับว่าควรจะรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสำหรับยอดหนี้ที่มีอยู่หรือไม่ ซึ่งหากมั่นใจแล้วว่าเช็คทั้ง 4 ข้อข้างต้นเป็นอย่างดีแล้วและรู้สึกว่าสินเชื่อนี้เหมาะกับเรา เพื่อลดความยุ่งยากก็สามารถ สมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ผ่าน Refinn ได้นะครับ เราได้รวมโปรโมชั่นธนาคาชั้นนำที่ให้สินเชื่อประเภทนี้มาให้แล้ว และเรายังมีทีมงานที่คอยติดตามเคส และให้คำแนะนำกับผู้สมัครตลอดระยะเวลาการดำเนินเรื่องฟรีครับ ทำให้คุณไม่ต้องไปเดินสอบถามโปรโมชั่นเองและทราบผลอนุมัติเบื้องต้นได้ไวขึ้น ด้วยครับ