โปะบ้านดีไหม? โปะบ้านทีละเดือนหรือก้อนเดียวคุ้มกว่า?

เคยสงสัยไหมครับ? ว่าถ้าหากเราผ่อนบ้านแล้วจะโปะเพิ่ม หรือผ่อนมากกว่าที่ผ่อนอยู่ปัจจุบัน จะสามารถลดดอกเบี้ย หรือจะประหยัดเวลาได้มากน้อยแค่ไหน? เรามาดูกันเลยครับ

โปะบ้าน คือ

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจความหมายของการโปะบ้านไปพร้อมๆกันก่อนครับ ว่าโปะบ้านในบทความนี้มีความหมายว่าอย่างไร 



การโปะบ้านคือ การที่เราเพิ่มเงินในการผ่อนบ้านให้มากขึ้น เพื่อให้เงินต้นหมดไวขึ้น และดอกเบี้ยลดลง ซึ่งก็คือ ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่เราหลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูกันอยู่บ่อยๆนั่นเอง โดยการโปะบ้านจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ การโปะเพิ่มทุกเดือน และโปะทีเดียวเป็นก้อนตอนต้นปี หรือ ปลายปี ครับ

โปะคอนโดได้หรือไม่

ในส่วนของคอนโดจะคล้ายกับบ้านเลยครับ คือถ้าเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เราจะได้ลดดอกเบี้ยด้วยหากทำการโปะคอนโด ดังนั้นคำถามที่ว่า “โปะคอนโดได้หรือไม่” คำตอบคือ “ได้อย่างแน่นอนครับ”

โปะบ้านดีอย่างไร

สำหรับข้อดีของการโปะบ้าน คือผ่อนบ้านหมดได้ไวขึ้น เพราะเงินต้นลดลงเนื่องจากเราผ่อนชำระเป็นจำนวนเงินที่เยอะกว่าจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญา และยังมีข้อดีอีกตรงที่เมื่อเราโปะเพิ่ม เงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วยครับ

โปะบ้านมีแบบไหนบ้าง

อย่างที่ทราบกันไปแล้วนะครับว่าการโปะบ้านทำให้เงินต้นลดลง และดอกเบี้ยลดลงตามไปด้วย แต่การโปะบ้านไม่ได้มีแค่การโปะในทุกๆเดือน หรือ ทุกงวดเท่านั้น แต่ยังมีการโปะแบบก้อนทีเดียวในแต่ละปีด้วย ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีความแตกต่างกัน และเหมาะกับคนที่มีความสามารถ หรือ วัตถุประสงค์ในการโปะบ้านที่ไม่เหมือนกัน โดยจะเป็นอย่างไรนั้น เราจะมาอธิบายให้เข้าใจกันแบบง่ายๆกัน

โปะบ้านเพิ่มทุกงวด

การโปะทุกงวด ก็คือ การที่เราเพิ่มเงินในการผ่อนบ้านในทุกๆงวดให้มากกว่าที่ระบุไว้ในสัญญา เช่น ผ่อนเพิ่มทุกเดือน 2,000 บาท นั่นเองครับ ซึ่งจะเหมาะกับคนที่อาจจะไม่ได้มีเงินก้อนเพื่อมาโปะทีเดียว แต่มีความสามารถในก่อนโปะเพิ่มต่องวด ทีละไม่เยอะครับ

โปะบ้านเพิ่มเป็นเงินก้อนแต่ละปี

สำหรับการโปะบ้านต่อปี แนะนำให้ทำเป็นเดือนแรกของปีครับ เพราะจะสามารถลดดอกเบี้ยได้มากกว่า การไปโปะเดือนสุดท้ายของปี 

โดยการโปะบ้านเป็นก้อนต่อปี ก็คือ การที่เรานำเงินก้อนมาโปะหนี้ทีเดียวในเดือนแรกของปีครับ เช่น จากเดิมที่คิดจะโปะเพิ่มเดือนละ 2,000 บาท ก็จ่ายทีเดียว 24,000 บาทในเดือนแรกของปีไปเลยครับ

ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีความสามารถในการผ่อน หรือ คนที่มีเงินก้อนที่เพียงพอในการโปะโดยที่ไม่ได้ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินครับ

ตัวอย่างการโปะบ้าน

แบบที่ 1 - ผ่อนบ้านเท่าเดิมโดยที่ไม่โปะเพิ่ม

จากยอดหนี้บ้าน 1,700,000 บาท เราต้องผ่อนอีก 20 ปี ผ่อนเดือนละ 13,180 บาท จะต้องจ่ายเงินต้น+ดอกเบี้ย เป็น 3,163,219 บาท เฉพาะแค่ดอกเบี้ยก็ปาไป 1,463,219 บาท เยอะใช่ไหมล่ะครับ ลองมาดูแบบที่ 2 กันครับ

แบบที่ 2 - โปะเพิ่มเดือนละ 1,000 บาท ไปเรื่อยๆ ทุกเดือน

เราจะจ่ายเงินต้น+ดอกเบี้ยแค่ 2,929,855 บาท ถ้านับเฉพาะดอกเบี้ยจะเหลือแค่ 1,229,855 บาท ประหยัดจากแบบที่ 1 เป็น 233,364 บาท!! และจะผ่อนเหลือเพียง 17 ปี 3 เดือน จากเดิม 20 ปี ซึ่งประหยัดทั้งเงินและเวลาเลยครับ แต่!! ยังไม่หมดแค่แบบนี้นะครับ ลองไปดูแบบที่ 3 กันครับ

แบบที่ 3 - โปะก้อนทีเดียว 207,000 บาท (ในเดือนแรก)

เผื่อใครจะงงนะครับ เงินก้อนใหญ่ 207,000 บาทนี้ มาจากการคำนวณจ่ายเพิ่มเดือนละ 1,000 บาท ตลอด 17 ปี 3 เดือน (จากรูปแบบการโปะแบบที่ 2) ส่วนคำว่า โปะในเดือนแรก เช่น ได้รับโบนัสในเดือนมกราคม เราจะไม่เก็บก้อนนี้ถึงสิ้นปี แต่จะนำมาโปะเพิ่มทันทีที่ได้มา เพราะดอกเบี้ยบ้านคำนวณเป็นรายวัน ยิ่งรีบโปะ ดอกเบี้ยก็ยิ่งลดเร็วเท่านั้นครับ จะทำให้จ่ายเงินต้น+ดอกเบี้ย เพียง 2,450,572 บาท จ่ายดอกเบี้ยแค่เพียง 957,572 บาท ประหยัดจากแบบที่ 1 เป็น 505,647 บาท!! แถมยังประหยัดเวลาไปได้ถึงเกือบ 5 ปีเลยนะครับ

หมายเหตุ

คำนวณจาก ยอดหนี้บ้าน 1,700,000 บาท ผ่อนเดือนละ 13,180 บาท ดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี

สรุปเรื่องโปะบ้าน

จากที่เห็นในตารางเปรียบเทียบ เราจะเห็นว่าการโปะจะทำให้คุณประหยัดดอกเบี้ย และลดเวลาการผ่อนลง ทั้งนี้คุณสามารถเลือกรูปแบบการโปะตามความต้องการ และไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของคุณเองได้เลย และยังมีอีกหนึ่งวิธี ที่ช่วยลดดอกเบี้ยได้เหมือนกัน นั่นคือ การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือรีไฟแนนซ์คอนโด นั่นเองครับ จะทำให้เงินที่เราโปะในแต่ละเดือนคุ้มค่ามากขึ้น เพราะดอกเบี้ยลดลง โปะเงินต้นได้มากขึ้นครับ สำหรับใครที่สนใจรีไฟแนนซ์ แล้วกำลังมองหาโปรโมชั่นที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด เข้าไปค้นหาฟรี ได้เลยที่ www.refinn.com ฟรี ไม่มีค่าบริการใดๆ ครับ