เพิ่งเปลี่ยนงาน รีไฟแนนซ์บ้าน/คอนโดได้ไหม | Refinn

ช่วงใกล้สินปีแบบนี้บริษัทต่าง ๆ ก็อาจจะมีการแจกโบนัส และพนักงานบริษัทอย่างเรา ๆ ก็อาจจะมีแผนในการย้ายงานหลังจากที่ได้รับโบนัสกันใช่ไหมละครับ ทีนี้หนึ่งในคำถามที่ทีมงาน Refinn ได้รับเข้ามามากที่สุดในช่วงนี้ก็คือ ถ้าหากเพิ่งเปลี่ยนงาน จะรีไฟแนนซ์บ้าน รีไฟแนนซ์คอนโดได้ไหม ก็คงต้องกลับมาดูที่เงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์ของแต่ละธนาคารก่อน ว่ามีการระบุไว้หรือไม่ และถ้าเพิ่งเปลี่ยนงานมาจะต้องรอนานเท่าไหร่ถึงรีไฟแนนซ์ได้ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

1. ธนาคารไม่ได้กำหนดว่าห้ามเปลี่ยนงาน แต่กำหนดอายุงานขั้นต่ำ

ในเงื่อนไขการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านหรือรีไฟแนนซ์คอนโดของธนาคารทุกแห่งไม่มีการระบุว่า ต้องทำงานกับสถานที่ทำงานเดิมตอนกู้บ้านหรือคอนโดครั้งแรก ดังนั้นคนที่เปลี่ยนงานหลังจากกู้ครั้งแรกจึงสบายใจได้ว่าคุณสามารถรีไฟแนนซ์บ้านหรือรีไฟแนนซ์คอนโดได้แน่นอน แต่สิ่งที่ธนาคารเขาพิจารณานั้นคือเรื่องของอายุงาน หากเป็นตอนที่เรากู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อคอนโดครั้งแรก ธนาคารจะดูอายุงานของเรา 2 แบบประกอบการ

1. อายุงานร่วมตั้งแต่เราเริ่มทำงานจนถึงปัจจุบันว่ามีอายุงานประมาณกี่ปี โดยปกติแล้วถ้าเรามีอายุงานมากกว่า 1 ปี ก็จะสามารถทำเรื่องการกู้ได้อยู่แล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร ก็อาจจะมีบ้างเป็นบางธนาคารที่อาจจะขอมากกว่า 1 ปี แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยครับ
2. อายุการทำงานกับบริษัทปัจจุบัน อันนี้เรียกว่าเป็นจุดสำคัญเลยครับ ธนาคารจะพิจารณาว่าคุณทำงานที่ใหม่กี่เดือนแล้ว ผ่านช่วงทดลองงานหรือยัง ซึ่งถ้ายังไม่ผ่านช่วงทดลองงานแม้ว่าคุณจะมีอายุงานร่วมที่อธิบายไปในข้อ 1 เกินกว่า 1 ปีแล้วก็ตาม โอกาสในการขอผ่านก็จะยากครับ และเรื่องของช่วงทดลองงานของแต่ละบริษัทก็จะต่างกันไปบางที่ 90 วัน บางที่ 120 วัน หรือบางคนอาจจะมีการขอต่อช่วงทดลองงานไปอีก 30 วัน เคสแบบนี้ก็เคยมีครับ ดังนั้นธนาคารเพื่อความชัวๆ เลยจะขอให้เราทำงานที่ใหม่มาแล้วอย่างน้อย 6 เดือนครับ

2. ย้ายงานไปทำสายงานที่เกี่ยวข้องกันสามารถนับอายุงานต่อกันได้

สำหรับบางธนาคารมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นขึ้นมาหน่อย ไว้รองรับกลุ่มคนที่ย้ายงานไปทำสายงานเดิม ซึ่งจะอนุญาตให้นับอายุงานต่อเนื่องจากที่เก่าได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอให้ผ่านโปรและมีหนังสือรับรองว่าได้รับบรรจุเป็นพนักงานเต็มตัวแล้วเช่นกัน

หมายเหตุ: เงื่อนไขการนับอายุงานต่อ อาจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคาร

3. เงินเดือนมีผลต่อวงเงินกู้

แน่นอนว่าพอเรื่องของอายุงานสำคัญแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ เรื่องของเงินเดือน ถามว่าสำคัญยังไงต้องบอกแบบนี้ครับ ตอนที่เรากู้ซื้อบ้านครั้งแรกโดยที่เราอ้างอิงเงินเดือนจากที่เก่า ตอนนั้นหากดูแค่เงินเดือน คุณอาจจะกู้ซื้อบ้านหลังปัจจุบันของคุณไม่ได้ แต่มันมีส่วนของโบนัส โอที คอมมิสชั่นมาประกอบด้วยทำให้วงเงินกู้ของคุณเพิ่มขึ้นจนสามารถซื้อได้

ทีนี้พอเราจะรีไฟแนนซ์บ้านหากคุณย้ายงานไปที่ใหม่แล้วเงินเดือนที่ได้เพิ่มขึ้นจนครอบคุมวงเงินกู้ตามที่คุณต้องก็ก็ถือว่าสบายตัวไป ดูกันแค่เรื่องของอายุงานอย่างเดียว แต่บางคนย้ายงานแล้วเงินเพิ่มนิดหน่อย แต่รอบนี้โบนัสก็ยังไม่ได้ คอมมิสชั่นก็ได้ไม่กี่เดือน เลยยังไม่สามารถเอามาหาค่าเฉลี่ยนตามเกณฑ์ของธนาคารได้ ทีนี้แหละครับที่เราอาจจะต้องมาลุ้นอีกทีว่าจะผ่านไหม

4. ต้องย้ายงานและต้องรีไฟแนนซ์บ้านต้องทำอย่างไร

เงินทองต้องวางแผนแล้วละครับงานนี้ จริง ๆ แล้วเรื่องนี้มีวิธีการคิดได้หลายแบบมากเลยครับ มันประกอบด้วยหลายปัจจัยมาก สิ่งที่เราต้องรู้เลยว่า กฏหรือเกณฑ์ ของธนาคารนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อเราคนเดียวได้

1. เช็คก่อนว่าครบสัญญาที่เราจะรีไฟแนนซ์บ้านนั้นได้เมื่อไร ต้องบอกว่าการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นปกติแล้วไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องรอให้ครบสัญญาก่อนแล้วถึงจะไปทำเรื่องกับธนาคารใหม่ได้ โดยปกติเราจะต้องทำเรื่องก่อนล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน หรือ 1 เดือนครึ่ง (แต่จะทำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ครับธนาคารจะไม่รับพิจารณา) ซึ่งถ้าตรงนี้เป็นจุดคาบเกี่ยวที่เป็นเดือนสุดท้ายกับที่ทำงานเก่าของเราพอดี ก็อาจจะเป็นจังหวะที่เราอาจจะลองดำเนินเรื่องของรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ให้เสร็จก่อน หากมีผลอนุมัติมาแล้วแล้วคุณย้ายงานพอดีก็ไม่น่าจะส่งผลอะไรครับ

2. พึ่งรู้ตัวว่าต้องรีไฟแนนซ์บ้านตอนนี้พึ่งย้ายงานพอดี ถ้าในกรณีแบบนี้ผมอยากแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1 เรายังสามารถผ่อนชำระได้เป็นปกติ ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วเวลาที่เราครบสัญญาที่จะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ส่วนใหญ่แล้ว ยอดผ่อนจะมีการปรับเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ช่วง 3 ปี แรกที่ได้โปรโมชั่นดอกเบี้ยพิเศษ เราอาจจะผ่อนเดือนละ 9,000 บาท หลังจากพ้น 3 ปี ไปแล้วยอดผ่อนปรับเป็น 14,000 บาท หากปรับขึ้นแล้วเรายังสามารถผ่อนต่อได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ผมก็อยากจะให้ผ่อนต่อไปก่อน รอจนพ้นช่วงผ่านการทดลองงาน 3 - 4 เดือน ครบปุ๊ปยื่นรีไฟแนนซ์เลยครับแล้วอาจจะยื่นไปสัก 2 - 3 แห่ง เราเองจะได้มีตัวเลือก และไม่ช้า หากเราเลือกไปที่เดียวแล้วธนาคารแจ้งว่า พึ่งผ่านโปรต้องรอก่อน เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเริ่มต้นใหม่กับธนาคารอื่น ทำไปพร้อมกันเลยแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที และผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะช่วยประหยัดได้เยอะที่สุด

กรณีที่ 2 ครบ 3 ปี ดอกเบี้ยปรับ ยอดผ่อนปรับขึ้นผ่อนต่อไม่ไหว ถ้าเป็นแบบนี้จะรอให้ผ่านโปรก่อนแล้วค่อยยื่นรีไฟแนนซ์บ้านก็คงรอไม่ได้ แบบนี้ผมแนะนำให้ลองติดต่อกับธนาคารปัจจุบันแล้วคุยในเรื่องของการ ขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม ซึ่งอาจจะลดลงดอกเบี้ยลงมาแม้จะไม่เท่ากับการรีไฟแนนซ์บ้าน แต่สถานการณ์ต้องนี้คือเราต้องรักษาสภาพคล่องทางการเงินของเราไว้ก่อนครับ เพราะหาก ส่งค่างวดบ้านล่าช้าหรือขาดส่งค่างวดบ้าน เครดิตทางการเงินเสียขึ้นมา ทีนี้ปัญหาตามมายาวเลยครับ

รีไฟแนนซ์บ้าน/รีไฟแนนซ์คอนโด ไปธนาคารไหนดี?

นอกจากเงื่อนไขต่างๆที่เราต้องเช็คให้ดีแล้ว ดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารก็ไม่เท่ากัน ถ้าหากจะต้องไปเก็บข้อมูลเองคงลำบากและเสียเวลาไม่น้อย วันนี้ลองใช้ www.refinn.com/รีไฟแนนซ์บ้าน เช็คเงื่อนไข, ค่าธรรมเนียม และดอกเบี้ย จาก 15 ธนาคาร ที่เราได้รวบรวมไว้ให้ พร้อมคำนวณเงินที่ประหยัดได้เทียบให้เห็นกันชัดๆ ว่าที่ไหนดีกว่ากัน แน่นอนว่า ไม่มีค่าบริการใดๆทั้งสิ้นครับ