เคยชำระค่างวดช้า จะรีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม | Refinn
ชำระล่าช้า

เคยชำระค่างวดช้า ค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม?

ถ้าถามว่า เคยไม่จ่ายค่างวดจนเป็นหนี้เสีย และติดเครดิตบูโร จะรีไฟแนนซ์ได้ไหม คงตอบได้ทันทีว่าคงไม่ได้ แต่บางคนไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น แค่เคยจ่ายช้า บางทีช้า 1 วัน บางทีช้า 10 วัน ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าเคยจ่ายช้าแบบนี้ แต่อยากรีไฟแนนซ์บ้าน หรือรีไฟแนนซ์คอนโดที่ผ่อนอยู่เพื่อไปเอาดอกเบี้ยที่ถูกลงกับธนาคารอื่น จะมีโอกาสได้รับการอนุมัติหรือเปล่า ถ้าอยากรู้คำตอบโดยละเอียดของ ค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม? เริ่มอ่านบทความนี้ได้เลย

ทำไมมีการจ่ายชำระค่างวดช้า ถึงมีผลต่อการขอสินเชื่อ

ก่อนจะรู้ว่าค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม? เราจะมาอธิบายเรื่องผลกระทบการจ่ายชำระค่างวดช้าต่อสินเชื่อกันก่อน คำตอบนี้ง่ายเลยครับ ให้นึกถึงตัวเราเป็นหลักได้เลยเวลามีคนมาขอยืมเงินเรา แล้วมีเพื่อนมาบอกว่าคนนี้ยืมเงินเราไปเหมือนกันเดือนก่อนก็จ่ายล่าช้า เดือนนี้ก็ยังไม่จ่าย เราเองก็คงมีความกังวลใช่ไหมครับว่า แล้วแบบนี้ถ้าเราให้ยืมไปเราจะได้เงินคืนไหม ฉันใดฉันนั้นครับ ธนาคารก็คิดเช่นเดียวกับเรา ปล่อยสินเชื่อให้คนนี้ไปแล้วเขาจะมีความสามารถในการผ่อนชำระคืนไหม ธนาคารเองก็ไม่อยากให้เกิดหนี้เสีย

หลายคนก็อาจจะค้านว่า แต่ถ้าเราจ่ายไม่ไหวธนาคารก็ได้บ้านไปไงกลัวอะไร ลองกลับมานึกถึงเราให้เพื่อนยืมเงินไป 30,000 บาท เพื่อนบอกจ่ายไม่ไหวเอาโทรศัทพ์เราไปแล้วกัน เราเองก็ไม่ได้อยากได้โทรศัทพ์ใหม่ใช่ไหมครับ จะให้เอาไปขายก็ต้องวุ่นอีก ขายที่ไหน ขายให้ใคร จะขายได้เมื่อไร นี้แหละครับ คำตอบว่า ทำไมการที่เราจ่ายชำระค่างวดช้า หรือไม่จ่ายถึงมีผลต่อการขอสินเชื่อ

จ่ายค่างวดบ้านช้า

แบบไหนถึงเรียกว่าจ่ายค่างวดช้า

ต้องเท้าความก่อนว่าสถาบันการเงินในระบบ (ในระบบหมายถึง ถูกกฏหมายนะครับ) เช่น ธนาคาร ส่วนใหญ่จะมีการส่งประวัติการกู้เงิน การชำระเงิน ไปที่สถาบันเครดิตแห่งชาติครับ หรือที่เรารู้จักกันเครดิตบูโรนั่นแหละครับ ข้อมูลตรงนี้จะเป็นข้อมูลกลางที่สถาบันการเงินต่าง ๆ จะสามารถเข้าไปดูข้อมูลของลูกค้าได้ในกรณีที่ลูกค้ามีการเซ็นยินยอม (ถ้าไม่เซ็นธนาคารก็ไม่รับพิจารณาปล่อยสินเชื่อ) ธนาคารก็จะเห็นข้อมูลเลยครับว่า ปัจจุบันเรามีภาระหนี้อยู่เท่าไร ภาระหนี้สูงไหม มีประวัติการชำระเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งตรงนี้แหละครับที่ธนาคารจะเอามาใช้พิจารณาในการประกอบการปล่อยสินเชื่อ

และที่สำคัญคือ ไม่ใช่ว่าเราชำระสินเชื่อบ้านตรงเวลาตลอด สินเชื่ออื่นชำระไม่ตรงเวลา ขาดส่งบ้าง แล้วพอไปขอสินเชื่อใหม่จะผ่านนะครับ ธนาคารดูภาพรวมทั้งหมด หากมีสักหนึ่งสินเชื่อที่ประวัติการชำระมีล่าช้าก็ส่งผลถึงกันหมดเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าถ้ามีประวัติล่าช้าแล้วจะขอสินเชื่อไม่ได้นะครับ

ทีนี้ เรามาคุยกันต่อว่าแบบไหนถึงเรียกว่า จ่ายค่างวดล่าช้า โดยปกติแล้วธนาคารจะมีการส่งประวัติทุกเดือน ดังนั้น ถ้าเราจ่ายช้าเกิน 30 วัน หมายความว่าคุณก็จะมีประวัติการจ่ายค่างวดล่าช้าแล้วครับ แต่ก็ต้องบอกว่าระยะเวลาการจ่ายช้าที่ต่างกันก็ให้ผลที่ต่างกัน

  • จ่ายล่าช้าไม่เกิน 90 วัน ในกรณีก็อาจจะเป็นเราลืมจ่าย เนื่องจากมีหลายบิล จนเราหลงลืมไปก็เป็นได้ แต่จะไปบอกกับธนาคารว่าเราลืมจ่ายธนาคารก็คงไม่เชื่อหรอก ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารจะทำคือ หลังจากที่เราล่าช้า 30 วัน และมีการจ่ายเงินแล้วธนาคารจะดูประวัติต่ออีกสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง 6 เดือน - 2 ปี ว่ามีการประวัติชำระดีไหม หากไม่มีการจ่ายล่าช้าอีกก็สามารถทำการขอสินเชื่อได้ปกติ (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละธนาคารที่เรายื่น)
  • จ่ายล่าช้าเกิน 90 วัน ในกรณีนี้เราเครดิตคุณจะเสียแล้วครับ หรือภาษาบ้านๆ ที่เราคุ้นเลยก็คือ ติดเครดิตบูโร แบบนี้คุณจะต้องทำการปิดหนี้ตัวที่เป็นปัญหาให้เรียบร้อย และนับเวลาไปอีก 36 เดือน (3 ปี) ธนาคารถึงจะทำการพิจารณาสินเชื่อให้กับคุณครับ

ซึ่งเรื่องประวัติทางการเงิน นี้จัดว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการนำไปพิจาณราของธนาคาร หรือสถาบันการเงินนะครับ จริงๆ ก็ยังมีการพิจารณาในส่วนอื่นๆ

เข้าโครงการพักชำระหนี้ ถือว่าจ่ายค่างวดล่าช้าไหมหรือค้างค่างวดไหม

สำหรับใครที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ และหยุดพักชำระหนี้ไปเลยเป็นเวลา 3 - 6 เดือน ตามนโยบายตามแต่ละธนาคาร แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการจ่ายล่าช้าครับ แต่จากประสบการณ์ที่ได้ช่วยให้คนที่ใช้บริการผ่านรีฟินน์ในการรีไฟแนนซ์บ้านจะพบว่า แม้ว่าคนที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ และยื่นเรื่องธนาคารเอง แม้จะไม่มีการประกาศเป็นนโยบายออกมาอย่างชัดเจน แต่ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะไม่รับพิจารณาครับ คุณจะต้องทำการผ่อนเป็นปกติหลังจากครบกำหนดโครงการแล้วอย่างน้อย 3 เดือน ถึงจะมีการพิจารณา

แต่หากคุณเป็นคนที่เข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติจากระบบธนาคาร และคุณเองก็ยังคงจ่ายเป็นปกติ แบบนี้สามารถยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านได้เลยครับ แต่ต้องแจ้งธนาคารปัจจุบันด้วยว่าให้ยกเลิกเรื่องพักชำระหนี้ให้ด้วย

ยอดชำระค่างวดช้า

ทำความเข้าใจ เวลาธนาคารจะอนุมัติรีไฟแนนซ์บ้านพิจารณาอะไรบ้าง

การรีไฟแนนซ์บ้านไปยังธนาคารใหม่ ธนาคารใหม่ที่จะย้ายไปจะทำการตรวจเอกสาร และเช็กประวัติเราเสมือนว่า เราขอกู้ใหม่ เพราะธนาคารนั้น อาจจะไม่มีข้อมูลของเรามาก่อน โดยสาระสำคัญที่ธนาคารจะพิจาณาอนุมัติสินเชื่อ จะประกอบด้วย

1. รายได้

สังเกตได้จากเอกสารที่ธนาคารขอจะเน้นเรื่องรายได้มากๆ ไม่ว่าจะเป็น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน และต้องขอรายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ธนาคารนำไปตรวจสอบว่า รายได้ที่แจ้งในสลิปเงินเดือน ตรงกับรายการเงินเข้าในสมุดบัญชีจริงหรือเปล่า ที่ต้องตรวจกันเข้มขนาดนี้ก็เพราะว่า ธนาคารอยากจะมั่นใจว่าคุณจะมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมากเพียงพอที่จะมาจ่ายค่างวดแต่ละเดือนได้

2. ประวัติทางการเงิน

ขึ้นชื่อว่าประวัติทางการเงิน ก็คงไม่ได้ดูแค่รายการเงินฝากแน่ๆ แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อจะขอให้คุณทำด้วยก็คือ เซ็นหนังสือยินยอมเพื่อให้ธนาคารไปตรวจเครดิตบูโร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รวบรวมประวัติทางการเงินของเราไว้ โดยจะแสดงทั้งประวัติการขอสินเชื่อของเราไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต และประวัติการชำระหนี้ ว่าเรามีหนี้ค้างที่ไหนเท่าไหร่ จ่ายตรงทุกงวดไหม เคยมีล่าช้าหรือเปล่า

ถ้าเคยจ่ายล่าช้า ค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม?

ค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม? คำตอบนี้คงตอบแบบฟันธงไม่ได้ซะทีเดียว แต่สบายใจได้ว่า ต่อให้เคยมีประวัติชำระล่าช้า ก็สามารถได้รับการอนุมัติได้ เนื่องจากธนาคารเองก็เข้าใจว่าบางทีคนเราก็มีการลืมจ่ายกันได้บ้าง แต่ประวัติของเราจะเป็นตัวบอกทุกอย่างเอง ถ้าเราลืม 1 - 2 ครั้ง เวลาธนาคารดูก็คงพอเข้าใจได้ และคนที่เคยชำระล่าช้าแต่รีไฟแนนซ์ผ่านก็มีให้เห็นกันทั่วไป แต่ถ้าชำระช้าทุกครั้ง บางครั้งไม่จ่าย แบบนี้ธนาคารก็อาจจะไม่อยากรับความเสี่ยงจึงปฏิเสธการให้สินเชื่อไปในที่สุด

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมไปเปรียบเทียบสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน และรีไฟแนนซ์คอนโด ว่าธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งรวบรวมไว้ที่ รีไฟแนนซ์บ้าน โดยมีทีมงานที่คอยอัพเดทข้อมูลจากธนาคารอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ ฟรี ไม่มีค่าบริการครับ

เงื่อนไขอื่นของการรีไฟแนนซ์บ้าน

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะรีไฟแนนซ์บ้านได้นั้น จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ ผู้ที่มีรายได้ประจำ(ข้าราชการ, รัฐวิสาหกิจ), เจ้าของกิจการ และผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ

โดยคุณสมบัติที่ต้องมี จะมีดังต่อไปนี้ครับ

  • มีสัญชาติไทย
  • อายุ 20 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 65 ปี
  • รายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท สำหรับพนักงานประจำ, ข้าราชการ, รัฐวิสาหกิจ
  • รายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท สำหรับเจ้าของกิจการและผู้ประกอบอาชีพอิสระ

คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับพนักงานประจำ, ข้าราชการ, รัฐวิสาหกิจ

  • ต้องมีอายุงาน 3 เดือนขึ้นไปโดยจะต้องผ่านการทดลองงานแล้ว

คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับเจ้าของกิจการ

  • ต้องจดทะเบียน และประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ

  • ต้องมีเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้
  • ประกอบอาชีพมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี

สรุปเรื่องค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม

อ่านกันมาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะทราบคำตอบของ ค้างค่างวด รีไฟแนนซ์ได้ไหม? แล้วใช่มั๊ยครับว่า การที่เราจ่ายค่างวดช้าสามารถขอรีไฟแนนซ์บ้านได้ แต่ทางสถาบันทางการเงินจะอนุมัติผ่านหรือไม่นั้นก็ต้องดูเป็นกรณีไปครับ

อย่างที่ผมได้บอกไปว่าการจ่ายล่าช้าจะแบ่งเป็น 2 กรณีคือ การจ่ายล่าช้าไม่เกิน 90 วัน จะมีวิธีแก้คือ พยายามรักษาประวัติการชำระเงินของเรา ส่วนใครที่ติดบูดรไปแล้ว ก้คือ ไม่ได้ชำระมาเกินกว่า 90 วัน วิธีแก้เดียวก็คือ ปิดหนี้ก้อนนั้นครับ

ส่วนใครที่เข้าโครงการพักชำระหนี้เอาไว้ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมขอย้ำอีกทีว่าตรงนี้ไม่ถือว่าเป้นการชำระหนี้ล่าช้าครับ และสุดท้าย อย่าลืมเช็คคุณสมบัติให้พร้อมตามที่ผมได้บอกไปก่อนจะรีไฟแนนซ์บ้านนะครับ หากติดปัญหาอะไรก้สามารถทักเข้ามาสอบถาม Refinn ได้เลย ฟรีไม่คิดค่าบริการใดๆทั้งสิ้นครับ

เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2566
Refinn Writer
ช่วยเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ประหยัดดอกเบี้ยที่สุด ฟรี ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม