แนะนำ 3 วิธี ปิดหนี้บัตรเครดิตอย่างไร ให้มีเงินเหลือใช้
ปลดหนี้

แนะนำ 3 วิธี ปิดหนี้บัตรเครดิตอย่างไร ให้มีเงินเหลือใช้

"บางคน หนี้บัตรเครดิต+บัตรกดเงินสด รวมกัน 500,000 บาท ปกติจ่ายขั้นต่ำตลอด ก็คือจ่ายเดือนละ 50,000 หนี้ไม่หมดสักที เพราะทุกเดือนก็จะโดนดอกเบี้ยและค่าปรับไปเรื่อยๆ”

“พอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ทำให้เราลดรายจ่ายจากเดือนละ 50,000 เหลือ 4,400 บาท เพราะจากดอกเบี้ย 28% มันเหลือแค่ 5.5% ชีวิตเดินต่อได้จริงๆ”

ปัจจุบันนี้มีวิธีที่จะทำให้คนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะๆ สามารถรวมหนี้มาเป็นก้อนเดียว ด้วยดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ทำให้ลดภาระรายจ่ายในแต่ละเดือนได้ ซึ่งแบ่งได้ 2 วิธี

รวมหนี้บัตรเครดิต

1. รวมภาระหนี้บัตรเครดิต ภาระหนี้ต่าง ๆ ด้วยการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต (Refinance Credit Card) หรือเรียกว่า สินเชื่อส่วนบุคคล จากธนาคาร

สำหรับใครที่ต้องการรวมหนี้ วิธีการแรกนี้จะเป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักประกันครับ ไม่ต้องมีบ้าน มีคอนโด มีรถ ก็สามารถยื่นขอสินเชื่อ ยื่นกู้ได้ ใช้แค่ในส่วนของข้อมูลแสดงรายได้ทางการเงินของเราเท่านั้นครับ โดยการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นเป็น "สินเชื่อส่วนบุคคล" ประเภทหนึ่งที่เน้นไปที่การจัดการภาระหนี้ครับ

และในความเป็นจริงถึงจะใช้ชื่อว่า รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต แต่ก็สามารถรวมหนี้สินเชื่ออื่นได้ด้วยครับ ทั้งบัตรกดเงินสด หรือแม่แต่สินเชื่อส่วนบุคคล โดยกลไกลของวิธีการนี้ คือ เป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อนำมารวมหนี้จากแหล่งเงินกู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ข้อดีของรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

พอเรารวมหนี้จากทุกที่แล้วก็จะเกิดจุดที่น่าสนใจ คือ

1. ลดยอดผ่อนต่อเดือน

ปกติแล้วหนี้บัตรเครดิตแต่ละเดือนเขาจะให้เราผ่อนชำระคือได้ขั้นต่ำที่ 10% ที่นี้หากเรามีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ รวมกัน 500,000 บาท จ่ายขั้นต่ำ เดือนละ 50,000 บาท (ดอกเบี้ยประมาณ 16% - 23% ต่อปี) ทีนี้หากเราเลือกรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตแล้วธนาคารใหม่จะไม่ได้ให้ผ่อนชำระขั้นต่ำแล้วครับ แต่เขาจะให้เราผ่อนชำระคืนแบบมีระยะเวลามีตั้งแต่ 12 เดือน - 72 เดือนเลยครับ จำนวนเดือนที่ผ่อนก็จะส่งผลต่อยอดผ่อน



  • คุณเลือกผ่อน 36 เดือน (3 ปี) จากที่ผ่อนเดือนละ 50,000 บาท ก็จะเหลือผ่อนเดือนละประมาณ 16,000 บาท
  • คุณเลือกผ่อน 60 เดือน (5 ปี) จากที่ผ่อนเดือนละ 50,000 บาท ก็จะเหลือผ่อนเดือนละประมาณ 12,000 บาท เท่านั้นครับ

จะเห็นได้เลยว่าการรีไฟแนนซ์บัตรจะช่วยให้ลดยอดผ่อนต่อเดือนลงได้หลายหมื่นบาทเลยครับ ซึ่งก็จะช่วยทำให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงคุณก็อาจจะได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำลงด้วยตอนนี้เริ่มต้นกันที่ 8.8% เลยครับ

2. เครดิตไม่เสีย

อันนี้ขอเล่าต่อจากข้อ 1 ครับ จากเดิมที่เราต้องผ่อนเดือนละ 50,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นเลขที่สูงมาเลยต่อเดือน บางทีเราก็อาจจะตึงเกินไป ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ชักหน้าไม่ถึงหลัง จนผ่อนไม่ไหว ผ่อนชำระช้าบ้าง จ่ายไม่ไหวบ้าง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อประวัติเครดิตทางการเงินเราครับ และอนาคตเราก็จะไม่สามารถขอสินเชื่ออื่น ๆ ได้ครับ

3. บริหารจัดการเงินได้ดีขึ้นรู้ว่าเราจะหมดหนี้เมื่อไร

อย่างที่ได้เล่าไปในข้อ 1 ว่าบัตรเครดิตนั้นจะเป็นสินเชื่อที่จ่ายคืนแบบขั้นต่ำ ซึ่งเราก็จะจ่ายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดหนี้ คำถามคือแล้วจะหมดหนี้เมื่อไร? ซึ่งมันจะต่างจากการรีไฟแนนซ์บัตรแล้วปรับเป็นหนี้แบบมีครบกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระ ซึ่งจะช่วยให้เราทั้งมีกำลังใจที่รู้ชัดเจนว่าเราเหลือหนี้เท่าไร อีกกี่ปีจะหมด รวมถึงเราจะสามารถวางแผนทางการเงินได้ง่ายกว่าว่า อนาคตเหมือนหมดหนี้แล้วเราจะทำอะไร อย่างไรต่อ

ทีนี้ ถ้าสนใจรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ก็ลองเข้าไปดูโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินชั้นนำต่าง ๆ ได้ครับว่า โปรที่ไหนน่าสนใจบ้างที่ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต แล้วหากสนใจโปรไหนแล้วสมัครผ่านเว็บ Refinn ฟรีแล้ว เราจะมีบริการเสริมพิเศษฟรี ในการช่วยติดตามเคส พร้อมคอยให้คำแนะนำเป็นระยะจนกว่าการดำเนินเรื่องจะเสร็จสิ้นเลยครับ

ข้อจำกัดของรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

ถึงแม้ว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะดีและสามารถยืดระยะเวลาในการผ่อนออกไปได้โดยที่อัตราดอกเบี้ยก็ยังลดลงอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็อาจจะไม่ได้ดีสำหรับทุกคนเสมอไป เพราะเนื่องจากการยืดระยะเวลาการผ่อนออกไปจึงทำให้มีระยะผ่อนที่นานขึ้นจนเป็นช่องว่างให้คนที่ไม่มีวินัยในการบริหารการเงินอาจจะสร้างหนี้ขึ้นมาอีกได้ โดยการนำบัตรเครดิตไปรูดเพิ่ม จนทำให้เป็นหนี้เพิ่มได้ และอีกอย่างการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็มีค่าต่างๆเพิ่มเติม และ ดอกเบี้ยที่ต่างกันออกไป ซึ่งต้องเช็คและเปรียบเทียบให้ดีๆก่อนตัดสินใจ

2. บ้านผ่อนอยู่ก็ใช้ขอสินเชื่อรวมหนี้ได้

เรื่องนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วบ้านที่เรายังผ่อนไม่หมดนั้น ก็สามารถที่จะทำการขอสินเชื่อได้เช่นกัน ซึ่งแนะนำเลยว่าใครที่กำลังจะรีไฟแนนซ์บ้าน แล้วมีแผนจะต้องทำการรวมหนี้ ปิดหนี้พอดี ก็ให้ยื่นเรื่องตอนที่เราจะทำการรีไฟแนนซ์บ้านเลยครับ ทำครั้งเดียวแต่ได้ถึง 2 ต่อ ได้ทั้งลดดอกเบี้ยบ้าน และยังได้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วยครับ

แต่ต้องบอกก่อนว่าวงเงินที่จะสามารถกู้ได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับยอดหนี้บ้านคงเหลือด้วยครับ บางคนพึ่งผ่อนมาได้ไม่กี่ปี ยอดหนี้บ้านยังลดลงไปไม่เยอะแบบนี้ ก็อาจจะได้วงเงินไม่สูงมากพอที่จะปิดนี้ได้ ลองดูข้อมูลเพิ่มติมที่บทความนี้ก็ได้ครับ ผมได้เขียนอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้วกับเรื่อง รีไฟแนนซ์บ้านและขอวงเงินกู้เพิ่ม

3 . ปิดหนี้บัตรเครดิต ด้วยการใช้บ้าน/คอนโดที่ผ่อนหมดแล้ว หรือเรียกว่า สินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for Cash) จากธนาคาร

ข้อแรกเราได้พูดเรื่องการรวมหนี้บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้หลักประกันกันไปแล้ว ข้อสองนี้จะเป็นการรวมหนี้ด้วยสินเชื่อแบบใช้หลักประกันกันบ้างครับ

ข้อดีของสินเชื่อบ้านแลกเงิน

สำหรับการใช้สินเชื่อแบบมีหลักประกันมาใช้ในการรวมหนี้ อย่างสินเชื่อบ้านแลกเงิน จะเป็นการนำบ้านที่ผ่อนหมดแล้ว มาทำการขอสินเชื่อกับทางธนาคารซึ่งมีข้อดี คือ

1. ดอกเบี้ยถูก

แน่นอนว่าพอเป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกัน ผู้ให้กู้ย่อมมีความเสี่ยงน้อยกว่าสินเชื่อแบบที่ไม่มีหลักประกัน เมื่อรับความเสี่ยงที่น้อยกว่าดอกเบี้ยก็เลยถูกลงตามไปด้วยครับ อย่างสินเชื่อบ้านแลกเงิน ดอกเบี้ยเริ่มกันที่ประมาณ 4% กว่า ๆ เองครับ เมื่อเทียบกับส่วนชื่อบุคคลรวมหนี้ที่เริ่มต้น 8.8%

2. ได้วงเงินสูง

เนื่องจากวงเงินกู้บ้านแลกเงินนั้นจะอิงจากราคาบ้าน กับความสามารถในการผ่อนดังนั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบ้านที่เราซื้อกันก็จะหลักล้านขึ้นกันอยู่แล้ว นี้จึงเป็นหนึ่งในสินเชื่อที่สามารถกู้เงินล้านได้ครับ ก็น่าจะช่วยนำไปรวมหนี้ที่มีอยู่ได้หากใครที่มีภาระหนี้สูง

3. ผ่อนสบาย ผ่อนต่อเดือนน้อย ผ่อนได้นานสุด 20 ปี

ถึงแม้ว่าสินเชื่อบ้านแลกเงินจะเป็นสินเชื่อที่ให้วงเงินกู้ได้เป็นล้าน แต่ก็ไม่ต้องกังวัลเรื่องยอดผ่อนครับ เพราะเราสามารถเลือกผ่อนได้นานถึง 20 ปี จึงทำยอดผ่อนในแต่ละเดือนไม่สูงครับ อย่างเรากู้มารวมหนี้ปิดบัตรเครดิต 500,000 บาท

  • เลือกผ่อน 15 ปี ก็จะผ่อนเหลือเพียงปีละ 4,400 บาทเท่านั้นครับ และในความเป็นจริงเราก็ไม่ได้จำเป็นต้องผ่อนนานถึง 15 ปีนะครับ ให้ดูว่าเราผ่อนไหวที่เท่าไร
  • หากเราผ่อนไหวเดือนละ 6,000 บาท ก็อาจจะเลือกผ่อนที่ 10 ปี ก็ได้
  • ต้องการผ่อนแค่ 6 ปี (72 งวด) เท่ากับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตตามข้อแรกก็ได้ ผ่อนเดือนละประมาณ 8,500 บาท ที่ผ่อนถูกกว่าก็เพราะดอกเบี้ยที่ถูกกว่าครับ

ดังนั้นผมมองว่าหากใครมีที่อยู่อาศัยที่ผ่อนหมดแล้ว สินเชื่อบ้านแลกเงินก็เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ ลองดูข้อมูลเรื่องโปรโมชั่นอัพเดตได้ที่นี้ครับ www.refinn.com/บ้านแลกเงิน ฟรี ไม่มีค่าบริการเช่นกันครับ

ข้อจำกัดของสินเชื่อบ้านแลกเงิน

สินเชื่อบ้านแรกเงินมีข้อจำกัดอยู่ 1 ข้อ คือ ผู้ขอสินเชื่อต้องมีบ้าน และบ้านนั้นต้องมีชื่อเราเป็นเจ้าของ และที่สำคัญที่สุด คือ บ้านนั้นต้องผ่อนหมดแล้วเท่านั้น สำหรับคนที่มีบ้านและผ่อนหมดเรียบร้อย แล้วคิดว่าตนเองมีความสามารถในการผ่อนชำระคืนได้ การทำสินเชื่อบ้านแลกเงินก็ไม่มีปัญหาเลยครับ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะเน้นย้ำ ก็คือ ควรเลือกธนาคารหรือสถาบันทางการเงินให้ดีๆ เพื่อให้ได้โปรโมชันที่คุ้มและพอใจกับที่เราต้องการ เพราะจะได้ไม่เสียเวลาย้ายไปธนาคารใหม่ภายหลังจากที่ขอสินเชื่อบ้านแลกเงินไปแล้ว 

คนที่มีรายจ่ายเยอะก็กู้ได้

ปกติคนจะมาขอกู้ธนาคาร ธนาคารจะดูความสามารถในการผ่อน โดยทั่วไปที่เราเห็นกันคือถ้ามีรายจ่ายมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ มักจะกู้ธนาคารไม่ผ่าน แต่แคมเปญลดภาระหนี้ที่ Refinn ไปจับมือกับธนาคารมา คือถ้ามีหนี้ และไม่ได้เป็นหนี้เสียถึงขั้นติดเครดิตบูโร หรือชำระล่าช้าเกิน 90 วัน ถึงเราจะมีรายจ่ายเป็น 100% ของรายได้ ก็สามารถกู้ได้ เพราะธนาคารถือว่าคุณก็เคยมีหนี้ก้อนนี้อยู่แล้วคุณยังเคยจ่ายไหว แสดงว่าวันนี้ถ้าคุณลดภาระหนี้ลง ยังไงก็จ่ายไหวแน่นอน

สมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือบ้านแลกเงินกับ Refinn ได้อย่างไร

สมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือบ้านแลกเงินกับ Refinn

สำหรับใครที่กังวลว่าจะไม่ได้โปรโมชันที่ถูกและดี ไม่ต้องกังวลนะครับเพราะสามารถเข้ามาใช้บริการเปรียบเทียบ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต กับ สินเชื่อบ้านแลกเงิน ได้ที่ Refinn โดยเราจะแนะนำและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชันจากธนาคารต่างๆให้ได้เลือก

วิธีการง่ายๆเพียงเข้าไปที่ Refinn เลือกสินเชื่อทางการเงินที่ต้องการ และกรอกข้อมูล จากนั้นทาง Refinn จะเสนอโปรโมชันที่ดีและเหมาะสมให้ จากนั้นก็เลือกสมัครกับธนาคารที่ต้องการได้เลย

สรุป! ถ้าอยากปิดหนี้บัตรเครดิต ปิดหนี้นอกระบบ ปิดหนี้ต่างๆ ที่ค้างไว้ ต้องทำอย่างไรบ้าง?

- ถ้าหากไม่มีบ้านมาค้ำประกัน สามารถสมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้แทนผ่านทาง Refinn จะหาธนาคารที่ดอกเบี้ยถูกที่สุดให้คุณ ฟรี ไม่มีค่าบริการ

- ถ้าหากมีบ้าน/คอนโด ที่ผ่อนจนหมดแล้ว สามารถขอวงเงินกู้จากธนาคารด้วยสินเชื่อบ้านแลกเงินผ่านทาง Refinn ออนไลน์ฟรี

เผยแพร่เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560
พงศธร ธนบดีภัทร
CEO & Co-Founder ที่ช่วยคนไทยรีไฟแนนซ์ไปแล้วกว่าพันล้านบาท