ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (ประกัน MRTA) ใช้ลดหย่อนภาษีได้ไหม
เมื่อครบกำหนดปีภาษี คนที่มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ถึงเวลาที่จะต้องคำนวณเพื่อชำระภาษีตามหน้าที่ของคนไทยอยู่แล้วนะครับซึ่งส่วนใหญ่นอกจากเรื่องรายได้ที่ต้องใช้คำนวณภาษี ก็ยังมีประเด็นเกี่ยวกับค่าลดหย่อนภาษีด้วยโดยเฉพาะในหมวดของประกันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือเรื่องของดอกเบี้ยบ้าน ถือเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีให้เพื่อน ๆ จ่ายภาษีได้ลดลง แต่ก็มีข้อสงสัยตามมาว่าสำหรับคนที่ทำ ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หรือที่เราเรียกกันว่าประกัน MRTA ทำไมบางคนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่บางคนที่ทำก็ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ วันนี้เราเลยจะมาทำความเข้าใจกันครับ
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ใช้ลดหย่อนภาษีอย่างไร?
ต้องขออธิบายแบบนี้นะครับในการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน เราสามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการลดหย่อนภาษีตามกฎหมายได้ แต่ย้ำนะครับว่ามีแต่หากต้องการทำประกันนี้ไปใช้สำหรับการลดหย่อนภาษีจะต้องทำประกันให้มีระยะความคุ้มครอง "ไม่น้อยกว่า 10 ปี" ครับโดยเราจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ในปีที่เราจ่ายค่าเบี้ยประกันครับ
ตัวอย่างเช่น เรารีไฟแนนซ์บ้าน และทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านด้วย โดยเลือกระยะเวลาการคุ้มครอง 10 ปี คุ้มครอง 80% ของยอดหนี้ ต้องชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านทั้งหมด 50,000 บาท ซึ่งจำนวนเงิน 50,000 บาทนี้ เราสามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนได้ในเฉพาะปีที่เราจ่ายเบี้ยทำประกันครับ
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมถึงลดได้แค่ปีเดียว ทั้งที่เรายังจ่ายค่าประกันพร้อมค่าผ่อนบ้านกับธนาคารทุกเดือน คำตอบก็คือเรากู้เงินธนาคารเพื่อนมาซื้อประกันครับ พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือนเรายืมเงินเพื่อนมาซื้อประกัน ถึงเราจะผ่อนเพื่อนเราเป็นรายเดือน แต่บริษัทประกันก็คือได้รับเงินครบจำนวนแล้วตั้งแต่ตอนที่เราซื้อครับ ส่วนที่เราผ่อนเพื่อนจึงไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
ควรทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (ประกัน MRTA) เพื่อลดหย่อนภาษีไหม หรือมีข้อดีอะไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าการทำประกันประโยชน์ของมันนั้นคือการกระจ่ายความเสี่ยงครับ การที่เราได้ลดหย่อนภาษีนั้นเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น โดยข้อดีของการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านผมแบ่งออกมาประมาณ 3 ข้อ
1. ความรับผิดชอบต่อคนข้างหลัง
ผมไม่ได้หมายถึงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมนะครับ ผมหมายถึงว่าถ้าเรามีครอบครัว มีพ่อ แม่ พี่น้องที่เราต้องดูแล้ว เกิดถ้าเรามีเหตุเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร จนไม่สามารถประกอบอาชีพใดๆ ต่อไปได้ ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านนี้ก็จะเป็นคนรับผิดชอบหนี้บ้านที่เหลือให้เราตามจำนวนที่เราทำประกันไว้ครับ
2. การลดหย่อนภาษี
อย่างที่บอกไปครับ หากเรารู้สึกว่าประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านนี้นั้นดูมีความจำเป็นกับเราถ้าเราทำก็จะทำให้เราได้สิทธิ์ในการลดหย่อนไปด้วยครับ
3. สิทธิ์ในการลดดอกเบี้ยบ้าน หรือฟรีค่าจดจำนองเวลาที่เราทำเรื่องรีไฟแนนซ์บ้าน
ปกติเวลาที่เราซื้อบ้านใหม่ หรือเรารีไฟแนนซ์บ้านธนาคารส่วนใหญ่จะเสนอขายประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านด้วย โดยอาจจะเสนอว่า ให้ลดดอกเบี้ย 0.20 สตางค์เป็นเวลา 1 ปี หรืออาจจะเสนอฟรีค่าจดจำนอง แต่ต้องติดสัญญาอยู่กับธนาคารนั้น 5 ปี ก็มีครับขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของธนาคารเลย
แต่ในส่วนนี้ต้องพิจารณาดีๆ นะครับจากที่ผมได้ลองคำนวน การลดดอกเบี้ยไม่กี่สตางค์ให้เรา 1 ปี คำนวนออกมาแล้วลดไปไม่กี่พันบาทเท่านั้น หรือการที่เราต้องติดสัญญากับธนาคาร 5 ปี ช่วงปีที่ 1-3 ก็ดอกเบี้ยถูกอยู่ แต่พอปีที่ 4-5 ดอกเบี้ยสูงมากแทนที่จะประหยัดกับต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกหลายแสน
หากเราอยากทำจริงๆ เราควรหาข้อมูลประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านนี้จากหลายๆ แหล่งด้วยแล้วถึงมาพิจารณาความคุ้มครองและราคาประกอบเข้าด้วยกันครับอย่างรีฟินน์พาร์ทเนอร์ที่ออกแบบประกันเพื่อประชาชนออกมาโดยราคาจะถูกกว่าช่องทางอื่นๆ ลองนำไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการพิจารณาดูครับ ข้อมูลเพิ่มเติมประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน
อ่านกันมาถึงตรงนี้น่าจะเข้าใจเรื่องของการนำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านไปลดหย่อนภาษีกันแล้วนะครับ ส่วนใครที่สนใจทำประกันก็อย่าลืมเข้าไปดู ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ด้วยนะครับ แล้วถ้าคุณมีบ้านคุณก็อยากลืมที่จะรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดดอกเบี้ยทุก 3 ปีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้คุณประหยัดเงินได้อีกเป็นแสนเลย โดยคุณสามารถดูข้อมูลในการรีไฟแนนซ์บ้านได้ที่ www.refinn.com เลยครับเรารวมโปรโมชั่นบ้านไว้ให้แล้ว สมัครผ่านเราก็ได้ง่ายนิดเดียว แถมยังมีทีมช่วยติดตามเรื่องให้พร้อมให้คำแนะนำคุณตลอดการรีไฟแนนซ์บ้านเลยครับ แล้วการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณจะไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไปครับ