อธิบายขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านครบถ้วน เข้าใจง่าย
เป็นความจริงที่ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะทำให้เราประหยัดเงินจากดอกเบี้ยได้เป็นแสน แต่ก็ยังมีคนที่ทำการรีไฟแนนซ์บ้านอยู่น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าไม่รู้ว่าการรีไฟแนนซ์ทำอย่างไร ทำให้เสียโอกาสที่จะผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นในที่สุด
รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับรีไฟแนนซ์บ้านกันก่อน สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำ ส่วนใครที่รู้จักอยู่แล้วไปหัวข้อต่อไปได้เลย
สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านคือการย้ายธนาคารที่เรากู้ขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารปัจจุบัน ไปธนาคารใหม่ เพื่อรับดอกเบี้ยโปรโมชั่นที่ถูกลงกว่าเดิมจากธนาคารใหม่ ช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ย และอาจรวมถึงยอดผ่อนที่ลดลงด้วยครับ เรารู้จักการรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว ทั้งนี้หากสนใจอ่านเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มเติม สามารถ คลิกไปทำความเข้าใจลึกๆ กันต่อได้ที่นี้เลย การรีไฟแนนซ์บ้าน
ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน Step-by-step
รู้แล้วว่ารีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร หน้าสนใจอย่างไรเรามาดูกันต่อว่า วิธีการรีไฟแนนซ์บ้าน นั้นต้องเริ่มอย่างไร บ้างยุ่งยากไหม ซึ่งวันนี้เราจะมาสอนกันแบบที่ละขั้นตอนกันเลยครับ
1. รีไฟแนนซ์บ้านต้องเริ่มจากอะไร?
สิ่งแรกที่ทุกคนที่คิดจะรีไฟแนนซ์บ้านต้องทำก็คือ ตรวจสอบสัญญากู้ของตัวเอง ว่ารีไฟแนนซ์ได้เมื่อไหร่ โดยส่วนมากสัญญากู้จะอนุญาตให้เรารีไฟแนนซ์บ้านไปธนาคารอื่น (บางธนาคารใช้คำว่า ไถ่ถอน) หลังจากผ่อนมาแล้ว 3 ปี
คำแนะนำของผมคือ คุณสามารถทำเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ได้ตั้งแต่ก่อนผ่อนครบ 3 ปี เพราะธนาคารใหม่ต้องใช้เวลาพิจารณา ประเมินราคา และทำเรื่องอนุมัติสินเชื่อ คุณจึงสามารถยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ได้ตั้งแต่ 1-2 เดือนก่อนครบสัญญา
2. เลือกธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
ผมมักจะพูดถึงในบทความอื่นๆอยู่ตลอดว่า การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นมีมากกว่า 100 โปรโมชั่นให้เลือก
ถ้าเลือกดีๆ ได้โปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านที่เหมาะสมกับเรา หรือได้ตัวที่ดอกเบี้ยถูกที่สุด ก็จะประหยัดดอกเบี้ยได้หลักแสน
แต่ถ้าโชคไม่ดีไปเลือกตัวที่ดอกเบี้ยไม่ได้ถูกมาก จะประหยัดได้หลักพันบาทเท่านั้น
ผมขอแนะนำเว็บไซต์ที่เป็นตัวช่วยคำนวณและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน จาก 15 ธนาคารชั้นนำ โดยสามารถเข้าไปดูที่ รีไฟแนนซ์บ้าน ได้เลยครับ และสำหรับคนที่สนใจให้ Refinn ช่วยดำเนินการรีไฟแนนซ์ ด้วยการเดินเรื่องและประสานงานกับธนาคารก็สามารถสมัครรีไฟแนนซ์บ้านผ่าน Refinn ได้ฟรี ไม่มีค่าบริการครับ
3. เตรียมเอกสารประกอบการยื่นรีไฟแนนซ์
- เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการยยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน มีทั้งหมด 3 ประเภท
- เอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน สำเนาเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง
- เอกสารด้านหลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาเงินกู้ธนาคารเดิม
แต่ก็จะมีแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคารที่เราไปรีไฟแนนซ์ มีรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน
4. ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่
ปกติแล้วหลังจากที่ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์พร้อมส่งเอกสารเรียบร้อย ธนาคารจะทำการนัดหมายเพื่อส่งคนมาประเมินราคาหลักประกัน และใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผมจึงอยากแนะนำให้ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ก่อนผ่อนครบ 3 ปี ได้เลยครับ จะได้พอดีกัน
5. ถ้าธนาคารเก่าจะลดดอกเบี้ยให้ ควรอยู่ที่เดิมหรือรีไฟแนนซ์ดี
จากประสบการณ์ของผม เวลาไปขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม เค้าจะลดให้นิดเดียวเท่านั้น จากปัจจุบันดอกเบี้ย 7.7% จะลดดอกเบี้ยให้เหลือ 5.5% ทั้งๆ ที่ธนาคารใหม่ที่ผมจะรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ย 2.90% เพราะธนาคารเดิมจะบอกว่าถ้ารีไฟแนนซ์ไปที่ใหม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าลองคำนวณดูจะพบเลยว่า ค่าใช้จ่ายนิดเดียวแต่ประหยัดกว่าเดือนละหลายพัน รีไฟแนนซ์จึงคุ้มกว่ามากครับ (สามารถอ่านบทความที่ผมคำนวณเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ได้ที่บทความรีไฟแนนซ์ กับ ลดดอกเบี้ยธนาคารเดิม แบบไหนคุ้มกว่ากัน?)
6. สอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า
เมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราไปสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า เพื่อให้ธนาคารใหม่และธนาคารเก่าสามารถโอนหนี้ให้กันได้อย่างถูกต้อง
7. ไปทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน
เพื่อให้ไม่เป็นการรบกวนเวลาลูกค้ามากจนเกินไป เจ้าหน้าที่จากธนาคารใหม่จะถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมๆกับการไปทำสัญญาจำนองที่กรมที่ดินในวันเดียวกันเลย เพื่อความสะดวกของทางลูกค้าเอง
รีไฟแนนซ์บ้านมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
การรีไฟแนนซ์บ้านจะมีค่าใช้จ่ายหลักๆ อยู่ 5 อย่าง คือ (ถ้าอยากทราบอย่างละเอียดค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านของแต่ละธนาคารสามารถเช็คได้ที่ : รีไฟแนนซ์)
- ค่าประเมินราคา ประมาณ 2-3 พันบาท (โปรโมชั่นบางธนาคาร ฟรีค่าประเมินราคาครับ)
- ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้ (โปรโมชั่นบางธนาคาร ฟรีค่าจดจำนองครับ)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน
- ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคาร เช่น ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
- ประกันอัคคีภัย (ซึ่งประกันอัคคีภัย ถึงเราไม่ได้รีไฟแนนซ์ ก็ต้องทำทุก 1-3 ปี ตามกฎหมายครับ)
ซึ่งหลายๆ ธนาคารก็ออกมาแข่งกันฟรีค่าธรรมเนียมเหล่านี้ เพื่อดึงดูดลูดค้า และมีการอัพเดทอยู่บ่อยๆ หากต้องการเช็คโปรโมชั่นล่าสุด ว่าแต่ละธนาคารให้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ และฟรีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง สามารถเข้าไปดูที่ www.refinn.com/รีไฟแนนซ์บ้าน ได้เลยครับ
ตัวอย่างการลดดอกเบี้ยด้วยรีไฟแนนซ์บ้าน
หลังจากที่คลายข้อสงสัยเรื่องขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านกันไปแล้ว ต่อมาเรามาดูตัวอย่างการลดดอกเบี้ยด้วยการรีไฟแนนซ์บ้านกันดีกว่าครับ
ตัวอย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน
สมมุติ เราผ่อนบ้านอยู่เดือนละ 21,000 บาท ดอกเบี้ย 6.99%
เมื่อคำนวณต่อเดือน เป็นดอกเบี้ย 17,235.62 บาท และเงินต้น 3,764 บาท
แต่ถ้าเรารีไฟแนนซ์บ้าน เราอาจจะลดผ่อนต่อเดือนเหลือเพียงแค่ 19,900 บาท แต่ดอกเบี้ยจะลดลงเหลือเพียง 3.19%
ดังนั้นในเงินผ่อน 19,900 บาทนี้ เราจะเหลือผ่อนดอกเบี้ยเพียงแค่ 7.865.75 บาท
และผ่อนเงินต้นได้มากขึ้นเป็น 12,034 บาทนั่นเองครับ
ข้อดีของรีไฟแนนซ์บ้าน
จากหลายหัวข้อที่เราได้พูดคุยกันไป ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ในหัวข้อต่างๆ ในหัวข้อนี้ผมจะมาสรุปข้อดีของการรีไฟแนนซืบ้านให้ทุกคนได้เข้าใจแบบง่ายๆกันครับ
สำหรับข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน ที่เรารู้แน่ๆเลยก็คือได้ลดดอกเบี้ย ซึ่งจากข้อที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดเลยว่า ถ้าเราผ่อนต่อเดือนเท่ากัน แต่ระหว่างรีไฟแนนซ์บ้าน กับ ไม่รีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยที่เราเสียจะไม่เท่ากันครับ ซึ่งส่งผลให้ตัดเงินต้นไม่เท่ากันนั่นเอง
ดังนั้น หากคน 2 คนซื้อบ้านพร้อมกัน และผ่อนต่อเดือนเท่ากัน คนที่รีไฟแนนซ์บ้านจะผ่อนหมดก่อนคนที่ไม่รีไฟแนนซ์บ้านครับ
สรุปเรื่องขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน
สรุปแล้วขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านก็มี 7 ขั้นตอนอย่างที่ผมได้บอกไปนะครับ ดังนั้นก่อนจะรีไฟแนนซ์บ้านอย่าลืมทำตามขั้นตอนและเตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อมนะครับ ทวนกันอีกที เอกสารที่ต้องใช้จะมีอยู่ 3 ประเภทนะครับ คือ เอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคล เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารด้านหลักประกัน และอย่าลืมเตรียมค่าใช้จ่ายอย่างที่ผมได้บอกไปให้พร้อมนะครับ
หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ เพจ Facebook : Refinn หรือ Line id : @Refinn