อยากกู้เงินไปใช้จ่ายอเนกประสงค์มีแบบไหนให้เลือกบ้าง | Refinn
multipurpose loan

อยากกู้เงินไปใช้จ่ายอเนกประสงค์มีแบบไหนให้เลือกบ้าง | Refinn

ปกติแล้วถ้าพูดถึงการกู้เงินไปใช้จ่ายอเนกประสงค์ (ไม่ได้เจาะจงว่าจะนำเงินไปใช้อะไรเหมือนกับสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย/ซื้อรถ) คนทั่วไปมักจะนึกถึงสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) หรือไม่ก็ทำบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด เพื่อกดเงินสดออกมาใช้

แต่ในความเป็นจริงเราควรวางแผนให้ดีว่าเราจะใช้เงินไปทำอะไร วงเงินเท่าไหร่ และเรามีความสามารถในการกู้สินเชื่อประเภทใดบ้าง เพราะว่าสินเชื่อแต่ละประเภทให้วงเงินไม่เท่ากัน และบางทีอาจจะได้ดอกเบี้ยถูกกว่าด้วย

type of multipurpose loan

ประเภทของสินเชื่ออเนกประสงค์ประเภทต่างๆ

1. สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan)

ข้อดี ขึ้นชื่อว่าสินเชื่อส่วนบุคคล ก็ย่อมเน้นเรื่องการกู้ง่าย ไม่ต้องใช้อะไรค้ำประกัน ขั้นตอนการสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลก็เตรียมเพียงเอกสารส่วนตัว และเอกสารแสดงรายได้ (สลิปเงินเดือน, รายการเดินบัญชีย้อนหลัง) เพื่อพิสูจน์ว่าเรามีรายได้เข้ามาประจำ ธนาคารจึงสามารถปล่อยเงินกู้และให้เราแบ่งจ่ายเป็นรายเดือนได้ ซึ่งสินเชื่อส่วนบุคคลนี้ ส่วนใหญ่จะให้วงเงินได้สูงสุดอยู่ที่ 5 เท่าของรายได้

ข้อเสีย ด้วยความที่เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์อะไรมาค้ำประกัน จึงทำให้มีดอกเบี้ยสูงตามมาด้วย โดยทั่วไปสินเชื่อส่วนบุคคลจะคิดอัตราดอกเบี้ยตามวงเงินกู้ และรายได้ของผู้สมัคร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ประมาณ 19-24% ต่อปี

ตัวอย่าง ถ้ากู้สินเชื่อส่วนบุคคล 500,000 บาท 5 ปี จะต้องผ่อนเดือนละประมาณ 15,000 บาท

2. บัตรกดเงินสด

ข้อดี หลักการของบัตรกดเงินสด คืออนุมัติวงเงินให้ก่อน ถ้าเรามีความจำเป็นเมื่อไหร่ ก็สามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ทันที (โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด 3% + VAT เหมือนบัตรเครดิต) แล้วค่อยชำระคืน โดยสามารถชำระเป็นรายเดือนได้ (แต่ขั้นต่ำ คือต้องชำระ 10% ของยอดหนี้) ดังนั้นจึงค่อนข้างสะดวกในการใช้จ่าย คือใช้เท่าที่ต้องการเท่านั้น

ข้อเสีย จุดที่ต้องระวังมากที่สุดของบัตรกดเงินสดก็คือ ดอกเบี้ยแพงกว่าแบบอื่นๆ โดยดอกเบี้ยสูงสุดของบัตรกดเงินสด คือ 28% ต่อปี

ตัวอย่าง ถ้ากดเงินจากบัตรกดเงินสด 500,000 บาท แล้วแบ่งจ่ายงวดละเท่าๆกัน 5 ปี จะต้องต้องเดือนละประมาณ 17,000 บาท

3. สินเชื่อรถแลกเงิน (Car for Cash)

ข้อดี การกู้สินเชื่อรถแลกเงิน คือการนำรถยนต์ของเรามาค้ำประกันเงินกู้ในรูปแบบของการจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์ โดยที่รถยังมีขับอยู่ หรือพูดง่ายๆว่าไม่ต้องจอดรถที่จำนำทิ้งไว้ที่ธนาคาร ซึ่งในช่วงหลังๆมานี้ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากได้วงเงินสูง โดยคิดวงเงินจากราคาประเมินรถยนต์ของเรา และได้ดอกเบี้ยประมาณ 5-12% ต่อปี แต่เป็น Flat rate (ไม่ลดต้นลดดอก) นะครับ

ข้อเสีย ด้วยความที่ต้องมีรถยนต์เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน จึงอาจจะทำให้ต้องมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมาหน่อย นั่นก็คือการประเมินราคารถยนต์ ซึ่งเราก็ต้องนัดแนะกับเจ้าหน้าที่ประเมินราคารถยนต์ของธนาคาร แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็ใช้เวลาไม่กี่วันเท่านั้นครับ

ตัวอย่าง ถ้ากู้สินเชื่อรถแลกเงิน 500,000 บาท 5 ปี จะต้องผ่อนเดือนละประมาณ 13,000 บาท

4. สินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for Cash)

ข้อดี ข้อดีที่สุดของสินเชื่อประเภทนี้คือ ดอกเบี้ยถูกสุดๆ และวงเงินสูงที่สุดครับ เพราะมีบ้านหรือคอนโด เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ ธนาคารจึงสบายใจที่จะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยถูกให้กับผู้กู้ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 5-9% ต่อปี (ลดต้นลดดอก) และวงเงินสูงสุด 80-90% ของราคาประเมินหลัพทรัพย์อีกด้วย ที่สำคัญผ่อนได้นานสูงสุดถึง 30 ปีเลยล่ะครับ

ข้อเสีย เช่นเดียวกับรถยนต์ครับ เพราะเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน คือจะเสียเวลาเพิ่มขึ้นนิดหน่อยกับการประเมินหลัพทรัพย์ และจดจำนองกับกรมที่ดิน แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เทียบกับดอกเบี้ยที่ถูกมากๆ และวงเงินที่สูงกว่า สินเชื่อบ้านแลกเงินจึงเป็นที่ได้รับความนิยมกันในปัจจุบันครับ

ตัวอย่าง ถ้ากู้สินเชื่อบ้านแลกเงิน 500,000 บาท 5 ปี จะต้องผ่อนเดือนละประมาณ 10,000 บาท

หาสินเชื่อบ้านแลกเงินที่ดอกเบี้ยถูกที่สุดได้จากไหน

แน่นอนว่าสินเชื่อบ้านแลกเงิน ไม่ได้มีเพียงธนาคารเดียวที่ปล่อยกู้ ทำให้เกิดความยากลำบากในการที่เราจะไปรวบรวมโปรโมชั่นจากธนาคารต่างๆด้วยตนเองครับ วันนี้ www.refinn.com/บ้านแลกเงิน ได้เพิ่มสินเชื่อบ้านแลกเงิน เข้ามาอยู่ในเว็บแล้ว คุณสามารถเข้าไปค้นหาโปรโมชั่นที่ดอกเบี้ยถูกที่สุด และสมัครได้ ฟรี ไม่มีค่าบริการครับ

เผยแพร่เมื่อวันที่ 01 มี.ค. 2561
พงศธร ธนบดีภัทร
CEO & Co-Founder ที่ช่วยคนไทยรีไฟแนนซ์ไปแล้วกว่าพันล้านบาท