สรุป ! กู้ซื้อบ้าน ผ่อนบ้านกับธนาคาร เริ่มต้นอย่างไร มีเทคนิคอะไรบ้าง ?
ในชีวิตประจำวันบ้านเป็นพื้นที่ที่จำเป็นและถือเป็นปัจจัยหลักสำหรับพวกเราเพราะไม่เพียงแต่ใช้เป็นที่อาศัยและพักผ่อนแต่บ้านเป็นสถานที่ที่ก่อให้เกิดสังคม การเรียนรู้ และการแบ่งปันประสบการณ์กับครอบครัวและเพื่อนบ้านได้ด้วย แต่เพราะความต้องการที่สูงขึ้นทำให้ราคาบ้านในทุกวันนี้มีราคาสูงมาก ๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ดังนั้นการผ่อนบ้านกับธนาคารจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติเพราะทำให้เราไม่จำเป็นต้องเก็บเงินก้อนที่อาจจะใช้เวลานานกว่าที่เราจะมีบ้านอาศัย แล้วการผ่อนบ้านคืออะไรและมีวิธีการอย่างไร เรามาลองศึกษาดูกันได้ในบทความนี้
ผ่อนบ้านกับธนาคาร คืออะไร
การผ่อนบ้านกับธนาคารหมายถึงกระบวนการที่ผู้ซื้อบ้านขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อช่วยในการชำระเงินสำหรับการซื้อบ้าน ในกระบวนการนี้ ผู้ซื้อบ้านจะได้รับเงินกู้มาเพื่อจ่ายส่วนที่เหลือของราคาบ้าน และจะต้องชำระเงินกู้คืนให้กับธนาคารในรูปแบบงวดหรือระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืม
สัญญากู้ยืมเงินสำหรับผ่อนบ้านจะระบุรายละเอียดต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่เสนอให้ ระยะเวลาผ่อนชำระเงิน วิธีการคิดดอกเบี้ย และเงื่อนไขการปฏิบัติตามสัญญา ผู้กู้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาในการชำระเงินในอนาคต
การผ่อนบ้านกับธนาคารเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ซื้อบ้านสามารถเข้าถึงบ้านของตนได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดทั้งหมด แต่จะต้องรับผิดชอบในการชำระเงินตามสัญญากู้ยืมเงิน การตรวจสอบและวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อผ่อนบ้านเนื่องจากความสามารถในการชำระเงินและการจัดการเงินจะมีผลต่อความสำเร็จและความเสี่ยงในกระบวนการผ่อนบ้านครับ
การเตรียมตัวก่อนผ่อนบ้านกับธนาคาร
และแน่นอนว่าก่อนที่เราจะไปขอสินเชื่อบ้าน และผ่อนกับธนาคาร เราก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมและเช็คก่อนว่าเราควรขอสินเชื่อบ้านหรือไม่ และเรามีความพร้อมมั้ยที่จะผ่อนบ้านกับธนาคาร ซึ่งผมได้ลิสค์สิ่งที่เพื่อนๆต้องเตรียมพร้อมไว้ให้แล้วครับ
1. ความสามารถในการขอสินเชื่อ
ความสามารถในการขอสินเชื่อหรือกู้ยืมเงินเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติทางการเงินส่วนบุคคลของผู้กู้ที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะพิจารณาเพื่อประเมินความเสี่ยงและความสามารถในการชำระเงินของเราไม่ว่าจะเป็นรายได้ ประวัติเครดิต อาชีพและอายุของผู้กู้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนประกอบในการพิจารณาสินเชื่อทั้งหมด
2. ตรวจสอบค่าใช้จ่ายหนี้ที่มีอยู่
ค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปและมีหนี้สะสมมาก ๆ จะทำให้มีผลต่อการขอวงเงินกู้บ้านและการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารได้ครับ โดยธนาคารและสถาบันการเงินจะพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเมื่อพิจารณาการให้สินเชื่อสำหรับการซื้อบ้าน ธนาคารอาจมองว่าค่าใช้จ่ายสูงเกินไปในส่วนของรายจ่ายและหนี้สิน
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาถึงอัตราส่วนระหว่างรายได้และการจ่ายหนี้ ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายเยอะเกินซึ่งส่วนมากไม่ควรเกิน 40% จะส่งผลให้เราขอวงเงินกู้บ้านได้น้อย และถ้ามีหนี้เยอะมาก ๆ ธนาคารอาจประเมินให้ไม่ผ่านและไม่อนุมัติสินเชื่อได้
3. ออมเงินสำหรับดาวน์บ้าน
การใช้เงินออมในการดาวน์เพื่อซื้อบ้านเป็นการลดจำนวนเงินที่เราต้องกู้ยืมจากธนาคาร ทำให้เงินกู้ที่เราต้องผ่อนชำระลดลง นั่นหมายความว่าเราจะจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงเพราะเราดาวน์บ้านมากกว่านั่นเอง หรืออธิบายง่าย ๆ นั่นเพราะเรากำลังยืมเงินที่น้อยลงจากธนาคาร ซึ่งจะทำให้เราชำระดอกเบี้ยรายเดือนน้อยลง
4. เอกสารสำหรับขอสินเชื่อบ้าน
และที่สำคัญอย่าลืมเช็คว่าธนาคารที่เราต้องการขอสินเชื่อบ้าน ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ใบขอสินเชื่อ เอกสารส่วนตัว ประวัติเครดิต หรืออื่นๆ ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะใช้เอกสารที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นอย่าลืมเช็คว่าเรามีเอกสารครบถ้วนตามที่ธนาคารต้องการไหม เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหากเอกสารมีไม่ครบและทำให้การขอสินเชื่อของเราไม่ผ่านครับ
หาข้อมูลสินเชื่อบ้านกับธนาคาร
การหาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านกับธนาคารอาจมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เราจะต้องจ่ายในการกู้ยืมเงิน ระยะเวลาที่เราต้องชำระหนี้ และอื่นๆ ที่สำคัญอย่าลืมสอบถามค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารนั้นๆด้วยเพื่อให้
ประเภทของการคิดดอกเบี้ยบ้าน
ก่อนจะไปดูวิธีคำวณดอกเบี้ยบ้านในแต่ละประเภท ผมขอแนะนำก่อนว่า ดอกเบี้ยบ้านมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ อัตราดอกเบี้ยบ้านแบบคงที่ และ อัตราดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว ซึ่งแต่ละประเภทมีวิธีคิดยังไงบ้าง ผมจะอธิบายให้ครับ
อัตราดอกเบี้ยบ้านแบบคงที่
ในรูปแบบนี้อัตราดอกเบี้ยจะคงที่ตลอดระยะเวลาของสัญญากู้ยืม ก็คือไม่ว่าดอกเบี้ยอื่นๆจะประกาศขึ้นลงยังไง ดอกเบี้ยก็จะเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ในสัญญาระบุว่า ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 3.12% หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ย 6.5% ตลอดอายุสัญญา แบบนี้ยอดที่เราผ่อนก็จะถูกคิดในอัตราดอกเบี้ยนี้เท่าๆเดิมในทุกๆปี
อัตราดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว
อัตราดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัวจะเปลี่ยนแปลงไปตามประกาศของธนาคารกลาง ซึ่งถ้าเราเห็นในสัญญาเขียนว่า อัตราดอกเบี้ย = Mrr - 2% หรือ Mrr - 3% แบบนี้แหละครับคืออัตราดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว วิธีการคำนวณจะต่างจากอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบคงที่โดยสิ้นเชิงเลย ยกตัวอย่าง เราได้อัตราดอกเบี้ยบ้าน = Mrr - 3.5% ปัจจุบัน Mrr = 6.5% ดอกเบี้ยเราก็จะถูกคิดอยู่ที่ 6.5% - 3.5% = 3% แต่ถ้าในอนาคตธนาคารกลางบอกว่า Mrr ปรับขึ้นเป็น 7% ดอกเบี้ยของเราก็จะถูกคิดเพิ่มขึ้นเป็น 7% - 3.5% = 3.5% นั่นเองครับ
ขั้นตอนการผ่อนบ้านกับธนาคาร
แน่นอนว่าในการผ่อนบ้านกับธนาคารก็จะมีกฎเกณฑ์และขั้นตอนต่างๆในการขอสินเชื่อที่เราจะต้องทำตาม โดยขั้นตอนในการผ่อนบ้านผมจะแบ่งออกเป็น 9 ข้อ ดังนี้ครับ
1.การเตรียมตัวและวางแผนประเมินความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้
โดยพิจารณาเงินเดือน, รายได้, ค่าใช้จ่าย, และหนี้สินอื่น ๆ ที่คุณมีและคำนวณว่าคุณสามารถผ่อนชำระเงินกู้เท่าไหร่ต่อเดือนได้
2.เลือกประเภทของสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพการเงินของเรา
เช่น สินเชื่อที่ดอกเบี้ยคงที่หรือดอกเบี้ยปรับตามอัตราดอกเบี้ย เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขรายละเอียดจากธนาคารต่าง ๆ
3.ส่งคำขอสินเชื่อพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สลิปเงินเดือน, และเอกสารอื่น ๆ
4.การพิจารณาคำขอสินเชื่อธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ของเรา
รวมถึงการตรวจสอบประวัติเครดิต การพิจารณาอาจใช้เวลาสักระยะ และธนาคารอาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
5.การอนุมัติสินเชื่อ
หากผลการพิจารณาเป็นบวก ธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้คุณ และระบุเงื่อนไขการกู้ยืม เช่น อัตราดอกเบี้ย, งวดชำระ, และระยะเวลาผ่อนชำระ
6.จัดทำสัญญาจำนองเมื่อได้รับการอนุมัติ
ธนาคารจะจัดทำสัญญาจำนอง ซึ่งระบุรายละเอียดของสินเชื่อและเงื่อนไขการผ่อนชำระ
7.การลงนามและโอนกรรมสิทธิ์
ธนาคารจะลงนามในสัญญาจำนอง และกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินจะเกิดขึ้น
8.การชำระเงินกู้เริ่มต้นผ่อนชำระเงินกู้ตามกำหนดที่ระบุในสัญญา
ซึ่งรวมถึงการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
9.สิ้นสุดขั้นตอนเมื่อผ่อนชำระเงินกู้สำเร็จตามกำหนด
เราจะเป็นเจ้าของบ้านและสิ้นสุดกระบวนการผ่อนบ้าน
เทคนิคผ่อนบ้านกับธนาคารให้หมดเร็ว
สำหรับใครที่กำลังมีแพลนจะซื้อบ้าน หรือ ใครที่อาจจะกำลังผ่อนบ้านอยู่และโชคดีได้มาเห็นข้อความนี้ ผมบอกเลยว่าคนที่ได้อ่านข้อความนี้คุณจะผ่อนบ้านถูกกว่า และ ผ่อนหมดเร็วกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน
ซึ่งเทคนิคที่จะทำให้เราผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นผมจะแบ่งเป็น 3 กรณี ดังนนี้ครับ
1.รีไฟแนนซ์บ้าน
รีไฟแนนซ์บ้าน คือการที่เราขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่เพื่อมาปิดหนี้ธนาคารเดิม แล้วผ่อนกับธนาคารใหม่แทน ซึ่งก็จะทำให้เราได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งมีเทคนิคนิดนึงก็คือ ในช่วง 3 ปีแรกที่รีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยจะถูก แต่ดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นเมื่อครบระยะเวลา 3 ปี
ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือ รีไฟแนนซ์บ้านทุกๆ 3 ปีครับ เพื่อให้ดอกเลี้ยของเราถูกที่สุดอยู่เสมอนั่นเอง
2.โปะบ้าน
วิธีนี้สามารถช่วยให้เราผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นได้ครับ ซึ่งเราสามารถโปะได้ทั้งแบบทยอยโปะเพิ่มเป็นรายเดือนทุกเดือน หรือ จะโปะทีเดียวเป็นก้อนเลยก็ได้ครับ แต่ทั้งนี้ก็จะมีทริคนิดนึงคือ เวลาเราเขียนใบฝากอาจต้องเขียนแยกเป็น 2 ใบ ใบนึงเป็นจ่ายยอดหนี้ปกติ และ อีกใบคือโปะเพิ่ม เพื่อให้เงินที่เราโปะไปตัดเงินต้น ไม่ต้องไปตัดดอกเบี้ย
3.รีไฟแนนซ์บ้าน + โปะบ้าน
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราผ่อนบ้านหมดไวที่สุด เพราะนอกจากเราจะได้ดอกเบี้ยที่ถูกมากๆจากการรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว ที่ประหยัดได้เป็นหลักแสนต่อปี พอเราโปะเงินเพิ่มให้ไปตัดเงินต้นอีก ก็จะยิ่งทำให้เราผ่อนบ้านหมดได้เร็วกว่าคนที่รีไฟแนนซ์บ้านเฉยๆ หรือ โปะบ้านเพียงอย่างเดียวนั่นเองครับ
สรุป
การผ่อนบ้านเป็นกระบวนการทางการเงินที่คุณใช้เพื่อซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์โดยกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยเราจะต้องผ่อนชำระเงินกู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของยอดเงินกู้ตามกำหนดที่กำหนดไว้ในสัญญาจำนอง
การผ่อนบ้านเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และมีข้อได้เปรียบหลายด้าน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานะการเงินและความตั้งใจของแต่ละบุคคลว่ามันเหมาะสมหรือไม่
การผ่อนบ้านเป็นการตัดสินใจที่สำคัญและควรพิจารณาอย่างละเอียด และเป็นการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิต คุณควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสีย ค้นคว้าข้อมูลให้ดีและพูดคุยกับที่ปรึกษาการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำที่เหมาะสมในการตัดสินใจ